นักวิจัยเผยเพียงใส่หน้ากากอนามัย จะช่วยสหรัฐลดยอดผู้ตายจากโควิดได้นับแสนคน

26 ต.ค. 2563 | 00:04 น.

ทีมนักวิจัยสหรัฐเตือนยอดตายจากโควิดในสหรัฐอาจทะลุ 5 แสนคนภายใน 4 เดือน หรือ ณ สิ้นเดือน ก.พ. 2564 นับเป็นการคาดการณ์ที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวไว้ในการดีเบตรอบสุดท้ายเมื่อเร็ว ๆนี้ ที่ว่า “โควิดกำลังจะหายไป”  อย่างไรก็ตาม นักวิจัยระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จะลดลงได้ครึ่งหนึ่ง หากประชาชนร่วมมือใส่หน้ากากอนามัย

 

คณะนักวิจัยของสหรัฐอเมริกา เปิดเผย ตัวเลขคาดการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐ อาจพุ่งเกิน 500,000 ราย ภายในสิ้นเดือนก.พ. 2564 แต่ตัวเลขดังกล่าวสามารถลดลงได้หากประชาชนใส่ หน้ากากอนามัย

นักวิจัยเผยเพียงใส่หน้ากากอนามัย จะช่วยสหรัฐลดยอดผู้ตายจากโควิดได้นับแสนคน

ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ เมดิซีน (Nature Medicine) ระบุว่าคณะนักวิจัยของสถาบันชี้วัดและประเมินผลทางสุขภาพ (IHME) มหาวิทยาลัยวอชิงตัน พบการใช้หน้ากากอาจช่วยรักษาชีวิตผู้คนในประเทศราว 130,000 คนเป็นอย่างน้อย

 

"เรากำลังจะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ดังนั้น เราไม่เชื่อความคิดที่ว่าโรคระบาดใหญ่กำลังจะหายไปนั้นเป็นความจริง" คริสโตเฟอร์ เมอร์เรย์ ผู้อำนวยการสถาบัน และผู้เขียนผลการศึกษาข้างต้นกล่าวกับนักข่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 43.3 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4 แสนราย

ยอดโควิด 25 ต.ค.63 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย จาก 4 ประเทศ

คาดการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ระลอกสองของเมียนมา

 

"เราคาดว่าจำนวนผู้ป่วยทั้งในระดับรัฐและระดับประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างคงที่ ขณะจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตใหม่รายวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนธันวาคมและเดือนมกราคม" เมอร์เรย์กล่าว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การคาดการณ์ทั้งหมดมีขึ้นหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เผยว่าไวรัสโคโรนา "กำลังจะหายไป" ระหว่างการดีเบตรอบสุดท้าย หรือการโต้อภิปรายแสดงวิสัยทัศน์เพื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในการดีเบตดังกล่าว นายโจ ไบเดน ผู้แทนพรรคเดโมแครต เป็นฝ่ายที่ออกมาเตือนว่าสหรัฐ จะเจอกับ "ฤดูหนาวอันมืดมน" (อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19) และกระตุ้นให้ประชาชนสวมหน้ากาก

 

ขณะที่ปธน.ทรัมป์กล่าวอ้างว่า "เรากำลังเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับไวรัสโคโรนา" แต่ไบเดนโต้แย้งว่า "เรากำลังเรียนรู้ที่จะตายไปกับไวรัสโคโรนา" มากกว่า