คาดการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ระลอกสองของเมียนมา

26 ต.ค. 2563 | 00:00 น.

คาดการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ระลอกสองของเมียนมา : คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์


          ในระยะนี้ ในหัวผมมีแต่เจ้าวายร้าย COVID-19 ระลอกสองที่เมียนมา อยู่เต็มไปหมด มันกำลังอาละวาดทุกวัน โดยอัตราการระบาดเพิ่มผู้ติดเชื้อแต่ละวันเป็นหลักพันคนไม่ลดไม่ขาดเลย จะขอต่อรองให้ลดราคาลงบ้างก็ไม่ได้....ฮา เมื่อวานนี้มาอีก 1,423 คน คนที่ติดเชื้อสะสมก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 43,788 คน ในขณะที่คนตายก็เพิ่มหลัก 10 คนทุกวันเช่นกัน เมื่อวานนี้ก็ตายไปเพิ่มอีก 28 คน รวมเป็น 1,066 คนเข้าไปแล้ว กู่ไม่กลับจริงๆ ส่วนจำนวนคนที่รักษาหาย แม้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ก็รักษาไม่ทันคนที่ติดเชื้อเช่นกัน

          ผมได้มีโอกาสดีที่มีผู้เชี่ยวชาญคืออาจารย์วรวัฒน์ มาช่วยส่งรูปกราฟมาให้ดูตามที่ท่านได้ทำการคาดการณ์ทุกวัน เห็นแล้วก็น่าเป็นห่วงมากๆครับ  เพราะถ้าเป็นไปตามที่ท่านอาจารย์คาดการณ์ไว้ ปลายเดือนตุลาคมนี้ ถ้าทางการเมียนมาสามารถควบคุมได้ดี ก็จะมีผู้ติดเชื้อแค่เพียง 4.4 หมื่นหากเลวร้ายที่สุด เราจะได้เห็นผู้ติดเชื้อสะสมทะลุไปมากถึง 5.4 หมื่นกว่าคนแน่ๆครับ อย่าเพิ่งตกใจนะครับ นี่เพียงเป็นการคาดการณ์จากเทคนิคของเส้นกราฟเท่านั้น จะแม่นหรือไม่แม่นก็ต้องติดตามชมกันต่อไป แต่เท่าที่ผมรับข้อมูลมาจากท่านอาจารย์ ไม่ค่อยพลาดเท่าไหร่เลยครับ

คาดการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ระลอกสองของเมียนมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความอ่อนไหวของการค้าชายแดน

ปันน้ำใจสู้ภัย COVID-19 ประเทศเมียนมา

ส่งความห่วงใยให้แก่เมียนมา

ตัวเลขมหัศจรรย์

เพิ่มไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ COVID ระลอกสอง

          ตามหลักการในการคาดการณ์ของอาจารย์วรวัฒน์ ท่านมองว่าตัวเลขที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่โตมากขึ้นทุกวัน แต่คือตัวเลขของ Spreader หรือผู้ติดเชื้อแต่ไม่ออกอาการให้เห็น เพราะท่านคิดตามโมเดลที่ทางประเทศจีนในช่วงติดเชื้อใหม่ๆ เขาได้ทำไว้ว่าคนที่เป็น Spreader จะมีมากกว่าคนที่ติดเชื้อถึงห้าเท่า นั่นหมายความว่าคนที่ติดเชื้อ 1 คน จะมี Spreader มากถึง 4 คน ซึ่งเขาเหล่านั้นก็เดินเหินใช้ชีวิตเสมือนคนปกติทั่วไป ที่เราไม่รู้เลยว่าใครคือ Spreader บ้าง ฟังดูเหมือนสายลับในหนังบู้เลยครับ

          อีกอย่างหนึ่งในขณะนี้ที่ประเทศเมียนมาสาธารณสุขขั้นพื้นฐานของเขายังไม่ดี การตรวจหาผู้ติดเชื้อทุกวันนี้ ทำได้วันละไม่เกิน15,000 คน ประชากรของเขาตามประกาศของทางการเมียนมาเมื่อหลายปีก่อน อยู่ที่ 56 ล้านคน นี่ไม่รวมถึงผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชนและชนชาติพันธ์ที่อยู่ตามป่าตามดงนะครับ ถ้ารวมด้วยผมเชื่อว่าเกินกว่า 65 ล้านคนแน่ๆ นั่นหมายความว่าศักยภาพในการตรวจหาผู้ติดเชื้อของเขาน้อยมาก คือหนึ่งในสี่พันสามร้อยคนเลยครับ ผมไม่อยากดูตัวเลขปลายปีนี้เลยครับว่าจะทะลุไปเท่าไหร่ และเชื่อว่าหากยังไม่มีการคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคระบาดนี้ได้ ปลายปีนี้คงลำบากแน่ๆ 

          เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เราคนไทยจะต้องตระหนักอย่างยิ่ง คือเจ้าวายร้ายระลอกสองนี้มันน่ากลัวกว่าชุดแรกที่ระบาดเข้ามามาก การแพร่เชื้อโรคเร็วกว่าที่เราคิดหรือเคยเจอะเจอมา ผมได้รับข้อมูลจากท่านศ.พญ.จิราพร เหล่าธรรมทัศ ถึงความน่ากลัวของโรค COVID-19 นี้ เพราะถ้าหากใครได้รับเชื้อโรคนี้เข้าไปแล้ว แม้ว่าจะรักษาหายแล้ว แต่อวัยวะปอดของผู้ติดเชื้อก็จะถูกทำลายไปเยอะมาก ซึ่งจะไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมได้อีกเลย การดำรงค์ชีวิตก็จะต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น การออกกำลังกายหรือการใช้พละกำลังต่างๆ จะต้องไม่มีการหักโหมจนเกินไป เพราะอวัยวะปอดจะทำหน้าที่ของมันได้ไม่เหมือนคนที่มีสภาพปกติ นี่คือความน่ากังวลใจและจะต้องพยายามหลีกหนีมันให้ได้ครับ 

          ถ้าหากประเทศเมียนมาเกิดสภาวะที่ควบคุมเจ้าวายร้าย COVID-19 ระลอกสองได้ไม่ดีพอ โอกาสที่จะกระจายเชื้อตามที่อาจารย์วรวัฒน์ได้คาดการใว้ สิ้นปีนี้หากดูตามกราฟที่พยากรณ์ไว้ ผมเห็นตัวเลขเกินแสนคนแล้วต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเราต้องช่วยกันสอดส่องดูแลกันให้ดีนะครับ เพราะโดยส่วนตัวผมเชื่ออย่างยิ่งว่าจะเกิดคลื่นมนุษย์ที่หนีเข้ามาสู่ประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะไม่มีที่ไหนในโลกนี้ ที่จะปลอดภัยและมีมนุษยธรรมเท่ากับประเทศไทยอีกแล้วละครับ ดังนั้นคนจะหลั่งไหลหนีภัยเข้ามาบ้านเราดีกว่าหนีไปทางอื่นเป็นไหนๆครับ แล้วเราจะทำอย่างไรดีละครับ นี่คือคำถามครับ

          ผมมักจะได้ยินคำถามที่เข้าหูผมมา แล้วทำให้ผมไม่ค่อยจะสบายใจนัก คือมีคนบอกว่า “คุณไปช่วยเขาทำไม ไปยุ่งกับบ้านเมืองเขาทำไม ควรจะให้เขาดูแลตัวเขาเองไม่ดีกว่าเหรอ” ซึ่งผมก็ได้แต่ให้กำลังใจตัวเองและกลุ่มคณะกรรมการโครงการของเราว่า “เราช่วยเขา ก็เหมือนเราช่วยเราเอง”  เพราะถ้าหากเราไม่เข้าไปช่วยเหลือเขา หรือปล่อยให้เขาสู้ตามยถากรรม ผมคิดว่ายากที่เขาจะหนีรอดพ้นจากชะตากรรมที่เลวร้ายนี้ได้ เราในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด เราหนีเขาไม่ได้หรอกครับ การย้ายประเทศมันทำไม่ได้ ไม่เหมือนการย้ายบ้าน เราต้องอยู่ติดกับเขาชั่วกัลปาวสานครับ ดังนั้นเราควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาไว้ครับ อย่าลืมครับว่า “มีเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร ดีกว่ามีญาติที่อยู่ห่างไกลเสมอ”