นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์ท่อส่งแก๊สระเบิด จังหวัดสมุทรปราการ ที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากจะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพประชาชน ในบริเวณดังกล่าวแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะบ้านเรือน ที่พักอาศัยภายในบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจจะยังมีเขม่าหรือกลิ่นแก๊สตกค้างในชั้นบรรยากาศ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ประชาชนจะต้องป้องกัน ในช่วงเวลาหลังจากสถานการณ์คลี่คลายกลับคืนสู่สภาวะปกติ คือการสวมหน้ากากป้องกันเมื่อต้องทำความสะอาดและดูแลสภาพแวดล้อมในบริเวณบ้านและชุมชน เพราะหากไม่สวมหน้ากากป้องกันอาจจะเสี่ยงสูดดมกลิ่นแก๊ส ที่ตกค้างเข้าไป ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบหายใจตามมาได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯสั่งเยียวยาเหตุ "ท่อแก๊สระเบิด" และเร่งตรวจสอบสาเหตุ
เกาะติดเหตุ "ท่อส่งแก๊สระเบิด" อ.บางบ่อ สมุทรปราการ
เปิดคลิปวินาที "ท่อแก๊สระเบิด"
ประมวลภาพ “ท่อส่งแก๊สระเบิด” อ.บางบ่อ สมุทรปราการ
อัปเดต "ท่อแก๊สระเบิด" ปตท.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ถูกกระทบ
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัยให้สะอาดปลอดภัยหลังสถานการณ์ท่อส่งแก๊สระเบิดนั้น สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ 1.ประเมินความมั่นคงแข็งแรงตัวโครงสร้างของบ้าน ประตู หน้าต่าง หลังคา ระเบียง ก่อนเข้าในบ้าน 2.สวมชุดป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ได้แก่ หน้ากากอนามัย ถุงมือยางและรองเท้ายางกันน้ำก่อนทำความสะอาด
3.เตรียมอุปกรณ์สำหรับเก็บกวาด ทำความสะอาด เช่น ถุงดำใส่ขยะ ไม้กวาด แปรงถูพื้นชนิดมีด้ามผงซักฟอก ถังน้ำพลาสติก สายยางฉีดน้ำ ถุงมือยางหนา รองเท้าพื้นยางหุ้มแข็ง หน้ากากอนามัย เป็นต้น 4.ควรทำความสะอาดจากส่วนบนลงมาด้านล่าง เช่น ทำความสะอาดฝ้าเพดานก่อน ตามด้วยผนังบ้าน พื้นบ้านตามลำดับ และจากภายในตัวบ้านออกสู่ภายนอกบ้าน โดยใช้ผงซักฟอกหรือสารทำความสะอาดร่วมกับการใช้แปรงขัดถูให้สะอาด ไม่ควรใช้สารทำความสะอาดที่ผสมสารเคมีเข้มข้นหรือมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง และ 5.หลังทำความสะอาดบ้าน ควรเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดความเข้มข้นของกลิ่นแก๊สที่ตกค้างภายในบ้าน และสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรืออยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุควรสังเกตอาการตนเองรวมถึงคนในครอบครัวหากพบว่ามีอาการหายใจติดขัด วิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ให้รีบไปพบแพทย์ทันที