ชี้ “ทรัมป์” เปิดบัญชีธนาคารในจีน กระทบความมั่นคง

22 ต.ค. 2563 | 03:28 น.

ปธ.สภาผู้แทนสหรัฐชี้ การที่ปธน.ทรัมป์ เปิดบัญชีธนาคารไว้ในจีน เป็นการเพิ่มความเสี่ยงและส่งผลกระทบด้านความมั่นคง

 

หลังจากที่มีข่าวจากสื่อใหญ่อย่าง เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส ที่เจาะลึกเกี่ยวกับ การเสียภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเร็วๆนี้ว่า จีนเป็นหนึ่งในสามประเทศ รวมทั้งอังกฤษ และไอร์แลนด์ ที่ ปธน.ทรัมป์เปิดบัญชีธนาคารในต่างประเทศ ซึ่งไม่มีระบุอยู่ในข้อมูลทางการเงินที่เปิดเผยต่อสาธารณะของเขา เนื่องจากบัญชีดังกล่าวอยู่ในนามของบริษัท ไม่ได้อยู่ในนามของตัวผู้นำสหรัฐโดยตรง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เมื่อวานนี้ (21 ต.ค.) ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า การที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์มีบัญชีธนาคารในจีน ถือว่าได้สร้างความเสี่ยงด้านความมั่นคงให้กับสหรัฐอเมริกา

 

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ได้เปิดเผยรายงานวิเคราะห์ข้อมูลการเสียภาษีของปธน.ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ว่า เขามีบัญชีธนาคารอยู่ในจีน นอกเหนือจากในอังกฤษและไอร์แลนด์ โดยบริษัท ทรัมป์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮเต็ลส์ แมเนจเมนต์ (Trump International Hotels Management LLC) ของตระกูลทรัมป์ เป็นผู้ถือบัญชีที่เปิดกับธนาคารจีน และมีข้อมูลการเสียภาษีในจีนเป็นจำนวนเงิน 188,561 ดอลลาร์ในช่วงปี 2556-2558         

แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ในการเปิดเผยข้อมูลการเงินต่อสาธารณะนั้น ปธน.ทรัมป์ไม่ได้แสดงข้อมูลบัญชีในต่างประเทศ เนื่องจากเป็นการเปิดบัญชีในนามของบริษัท ไม่ใช่ในนามส่วนตัว

 

เดอะ นิวยอร์กไทมส์ รายงานเมื่อต้นสัปดาห์นี้ (20 ต.ค.) ว่า ปธน.ทรัมป์ เคยพยายามดำเนินโครงการธุรกิจในจีนเป็นเวลากว่าสิบปีแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เขายังเคยเปิดสำนักงานในประเทศจีนในช่วงที่ลงสมัครเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกด้วย บัญชีในจีนของบริษัท ทรัมป์ฯ ที่ตกเป็นข่าว มีประวัติเสียภาษี 188,561 ดอลลาร์ในจีนในช่วงที่บริษัทกำลังพยายามบรรลุข้อตกลงและทำสัญญากัน

 

นายอลัน การ์เทน ทนายจากองค์กร Trump Organization ระบุกับเดอะ นิวยอร์กไทมส์ ว่า ทางบริษัทได้เปิดบัญชีกับธนาคารจีนที่มีสาขาในสหรัฐ ก็เพื่อชำระภาษีท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับความพยายามประกอบธุรกิจของบริษัทในจีน การ์เทนระบุว่า ทางบริษัทเปิดบัญชีธนาคารหลังเปิดสำนักงานในจีนเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงด้านการโรงแรมในเอเชีย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ที่ปรึกษาทีมหาเสียงเลือกตั้ง 'ทรัมป์' ถอนตัว หลังเครียดหนักขู่ทำร้ายตัวเอง

ใกล้ดีเบตรอบสุดท้าย 22 ต.ค. ทรัมป์ทวีตเดือดเปิดแผลไบเดน

“ไบเดน” แฉเล่ห์ “ทรัมป์” ตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่

 

“จนถึงขณะนี้ บริษัทไม่ได้บรรลุข้อตกลง ไม่มีการโอนเงิน หรือดำเนินธุรกิจจนเกิดผลเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด และสำนักงานในจีน ก็ไม่ได้ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2558 แล้ว” การ์เทนยอมรับว่า แม้บัญชีในธนาคารจีนจะยังคงอยู่ แต่ก็ไม่มีการใช้งานเพื่อจุดประสงค์อื่นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เขาไม่ยอมเปิดเผยว่า ธนาคารจีนที่บริษัทเปิดบัญชีด้วยคือธนาคารใด

“จีน” ยังคงเป็นประเด็นหลักในการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้ ตั้งแต่ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ไปจนถึงคำพูดของผู้นำสหรัฐเกี่ยวกับประเทศจีน (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทางลบ เช่นเรื่องที่ทรัมป์กล่าวหาว่า จีนเป็นประเทศต้นกำเนิดเชื้อไวรัสโควิด-19

 

การหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ยังพยายามกล่าวหานายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครตว่า นายไบเดน ประเมิน“อันตราย” จากอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในระดับที่ “ต่ำเกินไป”  นอกจากนี้ เขายังโจมตีกรณีที่นายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของโจ ไบเดน ไปประกอบธุรกิจอยู่ในจีนขณะที่พ่อของเขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีด้วย

 

สื่อใหญ่ของสหรัฐระบุว่า หลักฐานทางการเงินที่เปิดเผยต่อสาธารณะรวมถึงหลักฐานการยื่นภาษีเงินได้ของนายไบเดน ไม่ได้แสดงว่าเขามีรายได้หรือมีข้อตกลงทางธุรกิจในจีนแต่อย่างใด ในทางตรงข้าม กลับมีหลักฐานว่า ปธน.ทรัมป์พยายามดำเนินธุรกิจในจีน โดยสามารถสืบย้อนไปได้ถึงปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่เขาทำเรื่องขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในฮ่องกงและในจีน โดยทางการจีนรับรองเครื่องหมายการค้าหลายตัวหลังจากทรัมป์ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐ

 

ในปี 2551 ทรัมป์ยังเคยพยายามดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานในเมืองกวางโจว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ต่อมาในปี 2555 ทรัมป์เปิดสำนักงานในนครเซี่ยงไฮ้ โดยประวัติการเสียภาษีระบุว่า บริษัท THC China Development ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดำเนินการในจีนของทรัมป์ ขอลดหย่อนภาษี 84,000 ดอลลาร์โดยอ้างค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง ค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย และค่าใช้จ่ายของสำนักงาน เพื่อลดหย่อนภาษี

 

เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส ยังรายงานว่า ประวัติการเสียภาษีของผู้นำสหรัฐชี้ให้เห็นว่า เขาลงทุนอย่างน้อย 192,000 ดอลลาร์ในบริษัทขนาดเล็ก 5 บริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินโครงการในจีนโดยเฉพาะ บริษัทเหล่านี้ขอลดย่อนภาษีรวมกันอย่างน้อย 97,400 ดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2553 โดยอ้างค่าใช้จ่ายในสำนักงาน การเสียภาษีปลีกย่อยและค่าธรรมเนียมด้านการทำบัญชีที่มีการทำธุรกรรมล่าสุดในปี 2561

 

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังเคยพยายามดำเนินโครงการโรงแรมและอาคารในกรุงมอสโกของรัสเซียอีกด้วย แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

 

ข่าวที่เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส ตีแผ่ออกมานี้ ทำให้ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ เข้าข่าย“เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” เพราะวาจาและท่าทีของเขานั้น โจมตีจีนไม่ยั้ง ทั้งยังจุดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่ธุรกิจของเขาเองกลับยังอยู่ในจีน แอบมีบัญชีธนาคารในจีน และยังจ่ายภาษีให้กับจีนอีกด้วย