สำนักข่าว Bloomberg กล่าวถึงสถานการณ์ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในไทยว่า สติ๊กเกอร์แสดงความรู้สึก หรือ Emojis และการรีทวีตถูกนำมาใช้ในการลงคะแนนเสียง
เมื่อต้นสัปดาห์กลุ่มผู้นำการประท้วงได้ถามกลุ่มผู้สนับสนุนบนโซเชียลมีเดียอย่างเฟสบุ๊ก ว่าพวกกลุ่มผู้สนับสนุนส่วนมากต้องการอะไร โดยการกด CARE (ห่วงใย) หมายถึงพักการประท้วง 1 วัน ขณะที่การกด ว้าว (WOW) หมายความว่าให้จัดการชุมนุมต่อ และเสียงส่วนใหญ่ในเฟสบุ๊กได้แสดงถึงความต้องการให้จัดชุมนุมต่อไป เช่นเดียวกับการหยั่งเสียงในทวิตเตอร์ที่ใช้วิธีการกดไลค์หรือรีทวีตเพื่อแสดงความต้องการ
แพลตฟอร์มอย่างเฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ และ เทเลแกรม กลายเป็นช่องทางหลักของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเพื่อระดมการสนับสนุนจากผู้ที่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องที่มีไปก่อนหน้านี้ 3 ข้อ
Emojis ในรูปแบบต่างๆ
หากดูการประท้วงที่เกิดขึ้นในฮ่องกง ก็เรียกได้ว่าการประท้วงในไทยครั้งนี้เทียบจะลอกเลียนแบบและนำกลยุทธ์มาใช้แทบทั้งหมด โดยเฉพาะกลยุท์ “be water” หรือทำตัวให้เหมือนน้ำ ซึ่งในฮ่องกงได้ใช้วิธีนี้ในการชุมนุมมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา
"Be water" หรือกลยุทธ์ที่ทำตัวให้เป็นน้ำ คำๆนี้มาจากคำพูดของ บรูซ ลี นักแสดงระดับฮอลีวูดที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้มักจะพูดถึงเมื่อกล่าวถึงยุทธวิธีการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ที่บอกว่า “ไม่มีรูปร่าง ไม่มีรูปแบบตายตัว เหมือนน้ำ!” ยังรวมไปถึงการใส่เสื้อยืดสีดำ ใส่หน้ากาก (ก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด19) และใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง ปลายทางคือการชุมนุมแล้วไม่ให้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้! ผู้ชุมนุมในฮ่องกงเคยบอกว่า “เราต้องทำตัวให้เหมือนน้ำ”
ส่วนการชุมนุมในไทย ผู้ชุมนุมใช้การหลอกล่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจงงกับการนัดหมายชุมนุม โดย Bloomberg รายงานว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการได้สั่งปิดกรุงเทพฯบางส่วน พร้อมทั้งระบบการขนส่งมวลชนสาธารณะ เพื่อหยุดยั้งการชุมนุม แต่กลับล้มเหลว โดยกลุ่มประชาชนปลดแอกยังคงนัดหมายการชุมนุมกันทุกวันและเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆเหมือนการแข่งแรลลี่
สื่อต่างชาติรายงานเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง มีผู้ถูกจับประมาณ 70 คน รวมถึงแกนนำ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ให้ปล่อยตัวคนเหล่านั้นด้วย ซึ่งหนึ่งในผู้จัดการชุมนุมให้สัมภาษณ์ว่า “เราทำให้รัฐบาลปวดหัวกับการที่ม็อบไม่มีแกนนำและไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อแสดงถึงการต่อต้านรัฐบาล และแม้จะไม่มีแกนนำ การชุมนุมก็ยังคงดำเนินต่อไป”
ม็อบปุ๊บปั๊บ มาแล้วก็ไป แบบ Pop-Up
ในวันที่ 16 ต.ค.เป็นต้นมากลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้โซเซียลมีเดียในการรวมตัวกันในสถานที่อื่นๆ เมื่อตำรวจเตรียมความพร้อมรับมือในสถานที่บอกไว้ล่วงหน้า(โดนแกง) ตั้งแต่นั้นมาการชุมนุมก็มีรูปแบบในสถานที่ที่กระจายตัวออกไป กรุงเทพฯ ปริมลฑลและต่างจังหวัดเป็นระยะเวลาสั้นๆไม่ยาวนานและแยกย้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ โดย Bloomberg กล่าวว่าเป็นการนัดแนะให้ทุกคนเตรียมความพร้อมตามสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ และรอคำสั่งว่าจะไปเจอกันที่ไหน โดยที่ผ่านมาการประท้วงในประเทศไทยถือว่ามีมาอย่างยาวนาน แต่นี่คือวีธีการใหม่ในการบริหารจัดการม๊อบโดยใช้ไซเบอร์ ซึ่งสื่อต่างชาติกล่าวถึงตำรวจโดยใช้คำว่า “มะงุมมะงาหรา” ในการจัดการกับม็อบ