เอกชนพรึ่บ ชี้ทางออกประเทศ ยุติขัดแย้ง

21 ต.ค. 2563 | 06:44 น.

บิ๊กเอกชนพรึ่บ เสนอทางออกประเทศ จี้เปิดเวทีสาธารณะ ให้รัฐบาล-ตัวแทนม็อบเจรจาเคลียร์ปมปัญหาคู่ขนานแก้ไขรัฐธรรมนูญ ช่วยดับไฟก่อนลามทุบเศรษฐกิจดำดิ่ง“ท่องเที่ยว-ค้าปลีก”กุมขมับถูกทุบซํ้ารอบ 2

สถานการณ์ความตรึงเครียดของบ้านเมืองจากการชุมนุมที่ยืดเยื้อของกลุ่มคณะราษฎร ที่เรียกร้อง 3 เรื่องใหญ่เพื่อนำสู่การเปลี่ยนแปลงซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 20 ตุลาคมได้มีมติเห็นชอบให้ออกพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 26-27 ตุลาคม 2563 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ เพื่อรับฟังความเห็นจากสมาชิกรัฐสภาในการหาทางออกของประเทศต่อไปนั้น

 

เชียร์เปิดเวทีวิสามัญ

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อเปิดโอกาสพูดคุยกันซึ่งเป็นเรื่องที่ดีโดยรอดูสถานการณ์ (Wait & see) ไปก่อน เป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองอยากให้ประเทศมีความสงบ เพราะถ้ามีความสงบก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการจับจ่ายใช้สอย และความเชื่อมั่นในการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

ขณะที่นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่าการพูดคุยน่าจะนำไปสู่ทิศทางที่ดี เช่นเดียวกับนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่กล่าวว่า การเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเป็นสิ่งที่ดี ได้เจรจาพูดคุยกัน จะทำให้คลายความกังวลต่อสถานการณ์ได้ระดับหนึ่ง

 

เอกชนพรึ่บ ชี้ทางออกประเทศ ยุติขัดแย้ง

ดันเวทีคู่ขนาน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน ส.อ.ท.เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ประเทศไทยช่วงปลายปีนี้ยังมี 3 ปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ ได้แก่ 1.การระบาดของโควิด-19 ที่ยังต้องเฝ้าระวังว่าจะกลับมาระบาดในรอบสองหรือไม่ 2.ผลกระทบจากมาตรการพักชำระหนี้แก่เอสเอ็มอีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ครบกำหนด 6 เดือนในวันที่ 22 ตุลาคม 2563 และจะไม่ขยายเวลาของมาตรการออกไปอีก อาจทำให้เกิดปัญหาหนี้เสีย (NPL)เพิ่มขึ้น จากผู้ประกอบการบางส่วนไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ จะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และมีปัญหาการว่างงานของลูกจ้างเพิ่มขึ้นตามมา และ 3. ปัญหาทางการเมืองที่ยังมีการชุมนุมทุกวันในหลายจุดของประเทศ

 

เอกชนพรึ่บ ชี้ทางออกประเทศ ยุติขัดแย้ง

                                   เกรียงไกร เธียรนุกุล

 

“ขอเสนอทางออกให้รัฐบาลและผู้ชุมนุมถอยหลังคนละก้าว และมีเวทีคู่ขนานไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้พูดคุยกันอย่างสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง เพื่อปรับความเข้าใจกันอย่างเปิดเผยและจริงใจว่าตรงไหนทำได้ก่อน ตรงไหนทำได้-ไม่ได้ อะไรที่ต้องใช้เวลาใช้กรอบเวลาเท่าไร เมื่อรับปากแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ เพื่อสร้างความมั่นใจและร่วมมือช่วยกันฟันฝ่าสถานการณ์และเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ไม่ให้ดำดิ่งไปมากกว่านี้”

 

นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)กล่าวว่า เอกชนไม่ต้องการเห็นการชุมนุมที่ยื้อเยื้อออกไป เสนอทางออกให้รัฐบาลเร่งออกมาชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุม เช่น ผ่านการเปิดเวทีสาธารณะให้ทุกฝ่ายแสดงความเห็นและหาทางออกร่วมกัน โดยยอมรับความเห็นที่แตกต่าง รัฐบาลอย่ากังวลว่าเมื่อเปิดเวทีสาธารณะแล้วประชาชนจะหันไปสนับสนุนผู้ชุมนุมเพิ่ม

 

เอกชนพรึ่บ ชี้ทางออกประเทศ ยุติขัดแย้ง

                                 กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์

 

“การชุมนุมหากยืดเยื้อและกระจายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะตามหัวเมืองเศรษฐกิจใหญ่ หากมีการปิดถนนอาจกระทบภาคการขนส่ง ภาคการผลิตและภาคการส่งออกที่กำลังปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี จะกระทบเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก รวมถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามา”

ต้องแก้ด้วยการเมือง

นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ห่วงเศรษฐกิจไทยที่กำลังมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นจะทรุดต่อ และห่วงช่องว่างทางความคิดสูงระหว่างคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าที่ยังจูนกันไม่ติด คงต้องใช้เวลาในการปรับความเข้าใจกัน ทางออกในเวลานี้มองว่าปัญหาทางการเมืองก็ต้องแก้และหาทางออกด้วยวิถีทางทางการเมืองโดยผ่านเวทีรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย

 

เอกชนพรึ่บ ชี้ทางออกประเทศ ยุติขัดแย้ง

                                        สนั่น อังอุบลกุล

 

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า การชุมนุมในลักษณะดาวกระจายในหลายพื้นที่ของประเทศ ยิ่งตอกยํ้าให้ภาวะเศรษฐกิจของไทยย่ำแย่ขึ้นไปอีก เพราะบรรยากาศแบบนี้ คนไทยก็ไม่อยากไปเที่ยว และเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยที่ไหน กำลังซื้อของคนในภาพรวมก็จะยิ่งชะลอตัว ทางออกคือรัฐบาลต้องประนีประนอม และร่วมกันแก้ปัญหา และหาคนซึ่งเป็นที่ยอมรับผลักดันให้เปิดการเจรจาหาทางออกร่วมกันเพื่อยุติปัญหาโดยเร็วที่สุด

 

ท่องเที่ยว-ค้าปลีกระทมอีกรอบ

 

นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ กล่าวว่า สถานการณ์การชุมนุมในครั้งนี้ จะทำให้หลายธุรกิจทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า การจัดกิจกรรม และการประชุมต่างๆ ถูกยกเลิกทั้งหมด หากมองจากภาพลักษณ์ที่สื่อออกไป จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นโดยเฉพาะในเรื่องของการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ซึ่งอยากให้มองเป็นบทเรียนและหาทางออกที่ดีร่วมกัน

 

เอกชนพรึ่บ ชี้ทางออกประเทศ ยุติขัดแย้ง

 

ด้านนายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ นักวิชาการและผู้เชี่ยว ชาญธุรกิจค้าปลีกกล่าวว่าในความ เห็นส่วนตัว การชุมนุมครั้งนี้ เบื้องต้นประเมินว่าไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายมากนัก เนื่องจากผู้ชุมนุมเป็นคนรุ่นใหม่ ต้องการแสดงออก แต่หากยืดเยื้อก็อาจจะมีผลกระทบบ้าง ขณะนี้ยังคงประเมินผลกระทบลำบาก รวมถึงธุรกิจค้าปลีกด้วย ทั้งนี้ภาคธุรกิจอยากขอโอกาสให้ภาคเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ต่อเนื่องถึงตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง”

 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจหน้า 1 ฉบับที่ 3620 วันที่ 22-24 ตุลาคม 2563

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เกาะติด สถานการณ์การชุมนุม ม็อบคณะราษฎร 21 ตุลาคม 2563

จับผู้ชุมนุม “คณะราษฎร” แล้ว 76 คน ในวันสลายการชุมนุม

นายกฯ ส่งสัญญาณเปิดประชุมรัฐสภา แก้ปัญหาชุมนุม ผ่าทางตันประเทศ