หุ้นไทยปิดภาคเช้าร่วง 22.75 จุด

19 ต.ค. 2563 | 05:35 น.

หุ้นไทยปิดภาคเช้าร่วง 22.75 จุด สวนทางตลาดหุ้นเอเชียที่ปิดภาคเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้น

ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ปิดที่ระดับ 1,210.93 จุด ลดลง 22.75 จุด หรือ -1.84% มูลค่าการซื้อขายราว 32,157 ล้านบาท สวนทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยรับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน อีกทั้งนักลงทุนรอดูผลประกอบการไตรมาส 3/63 ของกลุ่มแบงก์ และนักลงทุนต่างชาติยังอยู่ฝั่งขายต่อเนื่อง 

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ 
 

AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,742.34 ล้านบาท ปิดที่ 53.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
          

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,212.68 ล้านบาท ปิดที่ 70.25 บาท ลดลง 3.00 บาท
          

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,102.96 ล้านบาท ปิดที่  58.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท    
          

SCB มูลค่าการซื้อขาย 818.24 ล้านบาท ปิดที่ 60.50 บาท ลดลง 3.00 บาท
          

CBG  มูลค่าการซื้อขาย 708.89 ล้านบาท ปิดที่ 110.00 บาท ลดลง 6.00 บาท

 

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนขานรับสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ที่ดีเกินคาด และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งช่วยคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับ GDP จีนที่ขยายตัวในไตรมาส 3
          

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,672.60 จุด เพิ่มขึ้น 261.97 จุด, +1.12% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,554.82 จุด เพิ่มขึ้น 168.03 จุด, +0.69% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,513.20 จุด เพิ่มขึ้น 9.36 จุด, +0.62%
          

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. โดยยอดค้าปลีกดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. เนื่องจากได้แรงหนุนจากยอดขายเสื้อผ้า
         

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.4%
          

ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2563 ขยายตัว 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันสองไตรมาส โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด

        

ส่วนในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2563 ตัวเลข GDP ของจีนขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่