น.ส.ลาวัณย์ เวณกเทศวรัณ นักเศรษฐศาสตร์การตลาดจากธนาคารมิซูโอ กล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า อุณหภูมิการเมืองที่สูงขึ้นทุกขณะหลังรัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพฯ จะกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ทำลายเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจากโควิดระบาด
ทั้งนี้ธนาคารมิซูโฮ ได้หั่นเป้าเศรษฐกิจไทยปีนี้จาก -6.3% เป็น -7.5%
นักวิเคราะห์รายนี้ยังประเมินว่า ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมือง เป็นภาคส่วนเดียวกับที่เสียหายจากโควิด ทั้งภาคเอกชนลงทุนน้อยลง การบริโภคซบเซา นักท่องเที่ยวลด ซึ่งเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
กอร.ฉ. ประกาศ ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม -อาคาร เพิ่มเติม
ภาพชุดการสลายม็อบ "คณะราษฎร63"
ตร.กระชับพื้นที่ สลายม็อบคณะราษฎร 2563 แกนนำประกาศยุติชุมนุมแล้ว
ศาลออกหมายจับ 12 แกนนำคณะราษฎร 2563
“ความไม่สงบจากความแตกแยกทางการเมืองร้าวลึกมาหลายสิบปีที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ยิ่งซ้ำเติมความเสียหายของเศรษฐกิจในปีนี้และระยะกลาง ”
ด้านนายฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า การประท้วงยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจประเทศที่เสียหายจากโควิด-19 ระบาด ยิ่งไปกว่านั้นผู้ประท้วงจะไม่เลิกรา จนกว่าจะได้เห็นประเทศไทยในรูปแบบใหม่
“เราไม่เคยเห็นผู้ประท้วงแบบนี้มาก่อน พวกเขาลงถนนอย่างท้าทาย เผชิญหน้ากับภาวะฉุกเฉินอย่างเด็ดเดี่ยว พวกเขาเด็ดเดี่ยวมากๆ ในสายตาผม และจะไม่ถอยหนีจนกว่าจะได้เห็นประเทศไทยในรูปแบบใหม่” นักวิชาการจากจุฬาฯ กล่าวและว่า เศรษฐกิจไทยกำลังหยุดชะงักเพราะรัฐบาลไม่มีฝีมือ จัดการเศรษฐกิจผิดพลาด
ขณะที่นายมาร์ค โมเบียส นักลงทุนผู้เชี่ยวชาญ ให้ความเห็นกับซีเอ็นบีซีว่า “ไม่ต้องถามเลยกรณีที่สถานการณ์รุนแรง เพราะการท่องเที่ยวสำคัญกับไทยมาก ถ้าคุณไม่สงบ การท่องเที่ยวก็ไปไม่ได้ คุณก็มีปัญหา”