ตร.บุกอาคารไทยซัมมิทค้น“คณะก้าวหน้า”

16 ต.ค. 2563 | 08:08 น.

ตำรวจบุกอาคารไทยซัมมิท ค้นศูนย์บัญชาการคณะก้าวหน้า ขณะ “ปิยบุตร”กำลังแถลง

 

วันนี้(16 ต.ค.63)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มักกะสัน ประมาณ 4 นาย  ได้เข้าไปยังตึกอาคารไทยซัมมิท ชั้น 5 ถนนเพชรบุรี ของ “คณะก้าวหน้า” ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กำลังแถลงความเห็น “ความเห็นต่อการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงและการดำเนินคดีกรณี “ขบวนเสด็จ”

        ตร.บุกอาคารไทยซัมมิทค้น“คณะก้าวหน้า”    ตร.บุกอาคารไทยซัมมิทค้น“คณะก้าวหน้า”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ตำรวจเดินทางมาถึงนายปิยบุตร ได้พยายามสอบถามว่าใช้อำนาจอะไรในการเข้ามาในภายอาคารแห่งนี้ ซึ่งตำรวจมีหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ใช่ทำหน้าที่ตามนายสั่งมา  


โดยนายปิยบุตร ได้เข้าไปเจรจากับนายตำรวจที่เข้ามาด้วยตัวเอง ซึ่งตำรวจแจ้งต่อนายปิยบุตรว่า เป็นการเข้ามาดูความเรียบร้อยเท่านั้นและบันทึกเอาไว้ และดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย
ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า สถานการณ์เช่นนี้แทบไม่ต่างอะไรกับการรัฐประหาร เพราะเหลือแค่การฉีกรัฐธรรมนูญ การใช้กฎหมายปราบปรามย่อมไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ต้องเปิดพื้นที่ให้นักศึกษา

 

ส่วน ช่อ-พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ของคณะก้าวหน้าว่า เจ้าหน้าที่ของตึกแจ้งว่ามีตำรวจเข้ามาภายในอาคาร เจ้าหน้าที่ขอให้ตำรวจรอก่อน แต่ตำรวจแจ้งว่าเข้ามาดูแลความเรียบร้อยตามปกติ ทันทีที่ตำรวจขึ้นมาโดยยังไม่แจ้งวัตถุประสงค์ จึงต้องมีการปิดประตูห้องแถลงข่าวก่อน เพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของเอกชน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเอกสารเกี่ยวกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาให้ดู ซึ่งการแถลงข่าวของเราไม่ใช่การชุมนุม และการแถลงข่าวย่อมต้องมีผู้สื่อข่าวเกิน 5 คนอยู่แล้ว และที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งต่อสาธารณะว่ายังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้นายปิยบุตร อยู่ในระหว่างการหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการภายใน โดยไม่ให้สื่อมวลชนขึ้นไปทำข่าว แต่นายปิยบุตร แจ้งว่าเมื่อเสร็จสิ้นการพูดคุยกับตำรวจแล้วจะชี้แจงต่อสื่อมวลชนต่อไป


 

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า จากการแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม วันนี้ เรื่องการเห็นชอบของครม.ในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยเบื้องต้นจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เป็นเวลา 30 วันนั้น ตนในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงของนายกรัฐมนตรีไม่มีความชอบธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากยังไม่มีข้อเท็จจริงที่เข้าเหตุให้ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

 

นายชัยธวัช กล่าวว่า  พรรคก้าวไกลขอย้ำข้อเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงทันที เพราะการประกาศดังกล่าวถือเป็นการฉวยโอกาสทำ “รัฐประหารเงียบ” รวบอำนาจมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ อดีตผู้นำคณะรัฐประหารอีกครั้ง และขณะนี้เริ่มมีสัญญานที่จะมีการใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังสลายการชุมนุมที่เป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธ การแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ชุมนุมร้ายแรงเกินกว่าเหตุ การควบคุมตัวประชาชนโดยไม่ต้องสนใจกระบวนการยุติธรรมปกติ การปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน รวมไปถึงการส่งกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ของรัฐสภา เป็นต้น