เปิดทางส่งออกสินค้าไทย จับมือจีนลุยเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้

15 ต.ค. 2563 | 04:21 น.

“จุรินทร์” เปิดประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ ครั้งที่ 11 เดินหน้าเพิ่มความร่วมมือเชิงลึกกับจีนเป็นรายมณฑล ผลักดันเชื่อมโยงระบบการขนส่ง เปิดทางสะดวกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีน เผยยังจะช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าเกษตรและผลไม้ไทยเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้นด้วย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ไทย ได้มีการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รอบอ่าวเป่ยปู้ ครั้งที่ 11 (11th Pan-Beibu Gulf Economic Cooperation Forum) ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยเน้นเรื่องการผลักดันความร่วมมือเชิงลึกกับมณฑลต่างๆ ของจีน รวมทั้งสนับสนุนยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงของจีนภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) โดยเห็นควรใช้ประโยชน์จากเครือข่ายความเชื่อมโยงของท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้ เพื่อเพิ่มการขนส่งสินค้าระหว่างกัน อันจะเป็นประโยชน์ในการขยายช่องทางการส่งออกสินค้าของไทยให้สามารถเข้าสู่ตลาดจีน รวมถึงตลาดในเอเชียกลางและยุโรปได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
เปิดทางส่งออกสินค้าไทย  จับมือจีนลุยเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้
         

ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การพัฒนาความเชื่อมโยงข้างต้นจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรและผลไม้ของไทยไปจีนได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น เป็นการส่งเสริมและต่อยอดการใช้ประโยชน์จากการเปิดตลาดภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ซึ่งปัจจุบันมีการยกเลิกการเก็บภาษีสินค้าระหว่างกันกว่า 90% ของรายการสินค้าทั้งหมดแล้ว

เปิดทางส่งออกสินค้าไทย  จับมือจีนลุยเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้

ส่วนการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการหารือในหัวข้อ “จับตามองท่าเรือสากล ร่วมกันเสริมสร้างระเบียงทางการค้าเชื่อมทางบกกับทางทะเลระหว่างประเทศแห่งใหม่ในยุคสมัยใหม่ของกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้” และได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาระเบียงทางการค้าเชื่อมทางบกกับทางทะเลสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor) ความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือและเส้นทางขนส่งทางบก ความร่วมมือและการพัฒนาด้านการขนส่งในหลายรูปแบบ และการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการทางศุลกากรระหว่างประเทศสมาชิก

ทั้งนี้ ไทยได้เข้าร่วมการประชุมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งสมาชิกประกอบด้วยประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับอ่าวเป่ยปู้ (หรืออ่าวตังเกี๋ย) และทะเลจีนใต้ ได้แก่ จีน และสมาชิกอาเซียน 7 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน และไทย โดยกรอบความร่วมมือดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาให้อ่าวเป่ยปู้เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ขยายการค้าการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิก และที่ผ่านมารัฐบาลจีนให้การสนับสนุนและผลักดันกว่างซีให้เป็น “ประตูสู่อาเซียน” และเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมทางทะเลในทศวรรษที่ 21 และข้อริเริ่ม BRI ของจีน
         

ในปี 2562 จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการค้า 79,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 16.46% ของการค้าไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปจีนมูลค่า 29,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าสำคัญ เช่น เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนไทยนำเข้าจากจีนมูลค่า 50,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเหล็ก ส่วนมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับจีนในช่วง 8 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ส.ค.) มีมูลค่า 51,723.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.26% เป็นการส่งออกจากไทยไปจีน 19,625.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากจีนมาไทย 32,098.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ