แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า กรณีผู้ชุมนุมม็อบ 14 ตุลา ของกลุ่มคณะราษฎร 2563 เข้าปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ทำให้กำหนดการนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 14-15 ตุลาคม 2563 และจะเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่15 ตุลาคม เวลา 11.15 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่การหารือ
เมื่อเวลา 15.30 น. นายกรัฐมนตรีได้เรียกรัฐมนตรีหลายคนเข้าหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร 2563 ที่เคลื่อนไหวปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น พร้อมกับแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปลี่ยนแปลงสถานที่การหารือระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ กับนายหวัง อี้ ในวันที่ 15 ต.ค. แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นที่ใด
ทั้งนี้ ปี 2563 เป็นปีที่ไทยและจีนฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 45 ปี มีการเพิ่มพูนความสัมพันธ์และความร่วมมือทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในปีนี้ จีนและไทยได้ช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกันในการต่อสู้กับโรคโควิด-19
เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้ส่งสารแสดงความยินดีต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย เนื่องในวาระการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศครบรอบ 45 ปี ความตอนหนึ่งระบุว่า
“จีนให้คุณค่ากับการพัฒนาความสัมพันธ์กับไทยอย่างมากและพร้อมทำงานร่วมกับฝ่ายไทยเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือต้านโรคระบาดและเดินหน้าความร่วมมือหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (BRI) อันมีคุณภาพสูงให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อมีส่วนช่วยการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนในจีน ไทย ตลอดจนอาเซียน”