นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ. ได้ดำเนินการร่วมกับบริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน)และ เอสซีจี รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐและวิสาหกิจ ตลอดจนสถาบันการศึกษา นำมาตรฐานเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular economyไปประยุกต์ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่การผลิตการใช้งาน และการนำกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นวัตถุดิบใหม่ รวมถึงการออกแบบการดำเนินงานของธุรกิจ
และการออกแบบสินค้าหรือบริการ เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่องค์กรทั้งทางตรง และทางอ้อม นอกจากนี้ ยังสร้างความพึงพอใจให้ผู้บริโภคเพราะสินค้าหรือบริการที่ได้จะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าการผลิตในรูปแบบเดิม ทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าหรือบริการที่มีราคาต่ำในขณะที่คุณภาพและประสิทธิภาพการใช้งานยังเหมือนเดิม โดย สมอ. มีแผนจะดำเนินการในเร็วๆ นี้ ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวของ สมอ. สอดคล้องตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม และนโยบายรัฐบาลด้าน BCG (Bio Circular Green)ในด้านการสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้ผลักดันให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการขับเคลื่อน สมอ. จึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวทั้งนี้
“ผู้ประกอบการที่สนใจจะเข้าร่วมกิจกรรมกับ สมอ. สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ www.tisi.go.thหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ กลุ่มพัฒนาผู้ประกอบการด้านการมาตรฐาน กองส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐาน สมอ.”
นายวันชัย กล่าวต่อไปอว่า วันที่ 14 ตุลาคม ของทุกปี องค์กรระหว่างประเทศด้านการมาตรฐาน ประกอบด้วย องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization - ISO) คณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอเทคนิกส์ (InternationalElectrotechnical Commission - IEC) และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union - ITU) กำหนดให้เป็น “วันมาตรฐานโลก”
สำหรับปีนี้กำหนดหัวข้อการรณรงค์ให้กับทุกประเทศทั่วโลกคือ มาตรฐานช่วยปกป้องคุ้มครองโลก โดยใช้เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมและสนับสนุนการนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดกลับมาใช้ใหม่ตลอดจนใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและปกป้องคุ้มครองโลก
“สมอ. ในฐานะสถาบันมาตรฐานแห่งชาติ เป็นผู้แทนประเทศไทยในการเป็นสมาชิก ISO และ IEC มีบทบาทสำคัญในการมีส่วนร่วมกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศ เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคและอำนวยความสะดวกในทางการค้าและบริการของประเทศ ได้ร่วมรณรงค์เนื่องในโอกาสวันมาตรฐานโลกมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับมวลสมาชิกกว่า 160 ประเทศทั่วโลกในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน และพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา”