เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบผลการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาของกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การกำกับดูแลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ที่ดำเนินงานภายใต้แนวคิดลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศแข็งแรง โดยจากแนวทางที่วางไว้ ก่อให้เกิดเป็นผลงานสำคัญ ได้แก่
1.การพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการในบรมวงศานุวงค์ สนับสนุนโครงการสุขศาลาพระราชทานพัฒนางานสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล
2.การเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ได้แก่ การพัฒนาโรงพยาบาลจตุรทิศใน 5 จังหวัดเพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาลในเมืองหลวง ประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม
3.พัฒนานวัตกรรมการแพทย์ เดินหน้านโยบาย TELEMEDICINE ดูแลผู้ป่วยด้วยระบบสื่อสารทางไกล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
4. ยกระดับสมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทย ให้เป็นทางเลือกด้านสุขภาพ โดยมีผู้ใช้บริการการแพทย์แผนไทยกว่า 27 ล้านครั้ง พร้อมนโยบายกัญชาทางการแพทย์ เปิดคลินิกกัญชากว่า 300 แห่งทั่วประเทศ มีผู้ใช้บริการกว่า 2 แสนราย ผลตอบรับด้านการรักษาเป็นที่น่าพอใจ
5. การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการผ่านนโยบายเชิงรุก อาทิ เพิ่มขีดความสามารถของเครือข่ายบริการปฐมภูมิ ดูแลคนไทย 13 ล้านคน ยกระดับ อสม.ให้เป็นหมอประจำบ้าน พร้อมผนึกกำลังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำงานร่วมกับแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบสาธารณสุขไทย
6.การสร้างขวัญและกำลังใจให้บุคลากรกระทรวงสาธารณสุข โดยบรรจุข้าราชการ 45,684 อัตรา ขยายค่าตอบแทนพิเศษ อสม.500 บาท เป็นเวลา 19 เดือน
7.แบนสารพิษ ทั้งพาราควาต คลอร์ไพริฟอส และจำกัดการใช้ไกรโฟเซต
อีกหนึ่งผลการดำเนินงานที่สำคัญที่สุดคือ สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19ได้อย่างรวดเร็วและกำลังจัดหาวัคซีนเพื่อควบคุมโรค โดยตั้งเป้าว่าคนไทยจะต้องได้รับวัคซีนเป็นลำดับต้นๆของโลก ซึ่งจากผลการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพในการรับมือวิกฤติดีที่สุดในโลก
โดยกระทรวงสาธารณสุข ประกาศว่าผลงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่ากระทรวงฯมีความพร้อมที่จะผลัดดันประเทศไทย ให้เป็นผู้นำด้านสุขภาพติด 1 ใน 3 ของเอเซีย ก่อนสู่ความสำเร็จระดับโลกในอนาคต