ศาลตีตกคำร้อง“เสถียร”ขอสั่งป.ป.ช.จ่ายค่าพยานยึดทรัพย์“ทักษิณ”

12 ต.ค. 2563 | 08:23 น.

ศาลรธน.ตีตกรับคำร้อง “เสฐียร ศรีเมือง”ขอสั่งป.ป.ช.จ่ายสินบนค่าพยานหลักฐานยึดทรัพย์ “ทักษิณ” ชี้ไม่เป็นตามหลักเกณฑ์ เหตุศาลปค.สูงสุดมีคำพิพากษาถึงที่สุดยกฟ้องแล้ว

 


วันนี้ ( 12 ต.ค.)เว็บไซด์สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยกรณี นายเสฐียร ศรีเมือง ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยสั่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จ่ายสินบน พร้อมดอกเบี้ย ให้แก่ตนเอง ตามระเบียบคณะกรรมการตรวจสอบว่าด้วยการจ่ายสินบนในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)  2549 ข้อ 6(1)(ง)

 

เนื่องจากเป็นผู้ยื่นเอกสารพร้อมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่เป็นหน่วยธุรการของ คตส.จนต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่อม.1/2553 ให้ทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณ ตกเป็นของแผ่นดิน


ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง นายเสฐียร ได้มีการยื่นฟ้องเรื่องนี้ต่อศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีคำพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า มติของป.ป.ช.ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการชี้ช่อง หรือให้ข้อมูลข้อเท็จจริงของนายเสฐียร ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีหมายเลขแดงที่อม.1/2553 ที่จะถือได้ว่านายเสฐียร เป็นผู้แจ้งเบาะแส และมีสิทธิได้รับเงินสินบนตามระเบียบฯ ดังกล่าว 

 


 

 

ดังนั้น การยื่นคำร้องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นกรณีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยดุลพินิจในการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการศาลปกครองกลาง และตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลอื่นมีคำพิพากษา หรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 47(4) และมาตรา 46 วรรคสามบัญญัติ ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น นายเสถียร จึงไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ได้