นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เตรียมจะไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ปรับ นายนิพนธ์ บุญญามณี ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า นายเรืองไกร ในฐานะนักร้องเรียนอาชีพ ควรให้ความเป็นธรรมนักการเมืองมากกว่านี้ เพราะการที่ ป.ป.ช.ชี้มูลนั้นยังไม่เป็นที่สุด และไม่ได้เป็นเรื่องทุจริตแต่อย่างใด
“กฎหมายของ ป.ป.ช.ก็ระบุชัดว่า ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งการชี้มูลของ ป.ป.ช.ที่ผ่านมา ก็มิได้หมายความว่าศาลจะเห็นพ้องด้วยเสมอไป ที่ผ่านมา ป.ป.ช.เคยหน้าแตกมาหลายสิบคดีแล้ว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของ ป.ป.ช.ในแต่ละยุคสมัยด้วยเช่นกัน”
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า ในกรณีนี้ นายเรืองไกร ควรไปร้องกับป.ป.ช.ให้ตรวจสอบการฮั้วโครงการจัดซื้อรถเอนกประสงค์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด( อบจ.) ต่างๆ ทั่วประเทศจะดีกว่า เพราะ นายนิพนธ์ ในขณะที่เป็นนายก อบจ.สงขลา เป็นผู้จับฮั้วประมูลรถเอนกประสงค์ได้เป็นคนแรก และทาง จ.สงขลา ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ อบจ.สงขลา ได้สั่งห้ามการอนุมัติจ่ายเงิน นายนิพนธ์ก็ต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา จะไปอนุมัติจ่ายเงินได้อย่างไร
หากนายเรืองไกร มีจิตใจเป็นธรรมจริง และมิได้มีเพียงนัยยะทางการเมืองเพียงประการเดียวแล้ว ในเรื่องนี้ก็ต้องไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ในเรื่องฮั้วรถเอนกประสงค์ทั่วประเทศ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป
นายวัชระ ยังแนะนำนายเรืองไกรว่า อยากขอแนะนำนายเรืองไกร กรณีร้องเรียนนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามว่า ขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง อย่าไปให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในภายหลังได้
นอกจากนี้ นายวัชระ ยังว่า นายกฯ จะไม่ปรับนายนิพนธ์ ออกจากตำแหน่งตามที่นายเรืองไกร เรียกร้อง เพราะเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่แยกแยะได้ และรู้ว่าความจริงคืออะไร การหารัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และทุกวันนี้ใครๆ ก็สงสัยในพฤติกรรมป้ำๆ เป๋อๆ ของนายเรืองไกร อยู่พอสมควร เพราะขนาดหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ของตัวเอง ก็ยังถูกนายเรืองไกร ร้องเรียนมาแล้ว