"Kbank" มาแล้วออก"หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์" 500 ล้านดอลลาร์ จับตาแบงก์ตามมาติดๆแน่

11 ต.ค. 2563 | 23:30 น.

Kbank ออก "หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์" 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 16,000 ล้านบาท เพื่อนำมาเสริมเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 รับมือแนวโน้มหนี้เสียที่จะเพิ่มขึ้น หลังพ้นระยะเวลาพักชำระหนี้  22 ต.ค.นี้

แหล่งข่าวจากตลาดเงินเปิดเผยว่า ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด(มหาชน)หรือ KBANK อยู่ระหว่างการนำเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (Perpetual bond) หรือ "หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์" 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 16,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5.275% ไม่เรียกชำระคืนภายใน 5 ปี เพื่อนับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier1) 

 

หุ้นกู้ชุดดังกล่าวจะเปิดขายในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 โดยมอบหมายให้ธนาคาร ซิตี้แบงก์เป็นผู้จัดจำหน่าย โดยธนาคารกสิกรไทย มีสิทธิ์ที่จะไถ่ถอนคืนในปีที่ 5 ทั้งนี้ธนาคาร กสิกรไทย ได้รับการจัดอันดับจากมูดี้ส์ที่  Baa1(stable) เอสแอนด์พีให้อันดับเครดิตที่ BBB+(negative)


การออกหุ้นกู้ชั่วนิรันด์ 16,000 ล้านบาทนั้น เพื่อนำมานับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 เพื่อรองรับกับปัญหาของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากมาตรการพักการชำระหนี้แบบอัติโนมัติของธนาคารแห่งประเทศไทยจะครบกำหนดในวันที่ 22 ตุลาคมนี้

“ขณะนี้หนี้เสียทั้งระบบธนาคารอยู่ที่ 3% แต่มีหนี้ที่ต้องจับตามมองเป็นพิเศษประมาณ 7-8%  ดังนั้นธนาคารจึงต้องป้องกันไว้ก่อน นอกจากนี้ธนาคารทุกแห่งประเมินว่า มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ที่จะนำมาบังคับใช้นั้น จะทำให้ต้องใช้ทุนในการกันสำรองหากไม่มีรายรับที่แท้จริงจะทำให้กระทบต่อกองทุน”

 

แหล่งข่าวระบุว่า สัญญาณที่ธนาคารขนาดใหญ่ 2 แห่งคือ BBL และ KBANK ระดมเงินทุนแบบนี้เป็นการบ่งบอกว่าเข้าสู่โหมดวิกฤติการทางการเงินในระบบสถาบันการเงินเริ่มต้นขึ้นแล้ว และขอให้จับตาดูการระดมทุนของธนาคารไทยพาณิชย์ที่มีพอร์ตสินเชื่อขนาดกลาง ขนาดย่อมจำนวนไม่น้อย และให้ดูธนาคารกรุงไทยที่ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนน้อยที่สุดในระบบธนาคาร เพราะจะต้องเพิ่มทุนในรูปแบบนี้ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารหันมาออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ เพื่อเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 1 นั้นเพราะจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าการออกหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งขณะนี้ความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มธนาคารลดลง จากปัญหาหนี้เอ็นพีแอลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หากจะต้องขายหุ้นเพิ่มทุนจะต้องให้ส่วนลดประมาณ 30% หรือหากคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจะสูงถึง 10% ขณะที่การออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์เป็นตราสารหนี้กึ่งหนี้กึ่งทุนสามารถนับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ได้