จีน 250 ล้านคนเสี่ยง “หัวล้าน” โอกาสทองไทยเจาะตลาด “วิกผม”

11 ต.ค. 2563 | 03:23 น.

ชาวจีนกว่า 250 ล้านคนเสี่ยงหัวล้าน ดันตลาดวิกผมโต 2.7 แสนล้าน โควิดพ่นพิษ วิกผมขาดแคลนหนัก ขาดแรงงานผลิตไม่ทัน เครืออาลีบารับทรัพย์สั่งซื้อออนไลน์โต 80% ชี้ช่องไทยเจาะตลาด

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต./ทูตพาณิชย์) ณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน รายงานว่า คณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งชาติจีน  เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีชาวจีนกว่า 250 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบร้อยละ 20 ของประชากรจีนทั้งหมด กำลังประสบกับปัญหาผมร่วงมากขึ้น หรือกล่าวได้ว่าโดยเฉลี่ยในชาวจีน 6 คน มี 1 คนกำลังมีปัญหาผมร่วง และในที่สุดจะกลายเป็นคนหัวล้าน

 

ในช่วง 3 -4 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการบำรุงรักษาและการปลูกผม รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับวิกผมต่างได้รับโอกาสทางธุรกิจ จนทำให้วิกผมกลายเป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่นอย่างหนึ่งในสายตาผู้บริโภคชาวจีนจำนวนมาก เห็นได้จากบนแพลตฟอร์ม Taobao (เถาเป่า) พบว่า ปริมาณการขายวิกผมมีจำนวนมากกว่า 20,000 ชิ้นต่อเดือน โดยมีตัวอย่างแพลตฟอร์มที่จำหน่ายวิกผมยอดนิยมรายหนึ่งที่ทุก ๆ 2 วินาที สามารถขายวิกผมได้ 1 อัน จนทำให้ 1 ปี มีรายได้มากถึง 1,500 ล้านหยวน และข้อมูลปัจจุบันยังพบว่าอุตสาหกรรมวิกผมจีนมียอดขายโดยเฉลี่ย 60,000 ล้านหยวนต่อปี (ราว 2.76 แสนล้านบาท คำนวณที่ 4.6 บาทต่อหยวน) ขณะที่มีผู้ผลิตและผู้จำหน่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ในอุตสาหกรรมวิกผมกว่า 1 ล้านคน

 

นอกจากนี้ เมื่อเกิดการระบาดของโรคโควิด-19  ทำให้การจัดหาและความต้องการของผลิตภัณฑ์วิกผม กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยผู้ผลิตวิกผมรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันคลังสินค้าวิกผมอยู่ในขั้นวิกฤติและขาดแคลนอย่างมาก เนื่องจากมีผู้จำหน่ายและร้านค้าจำนวนมากที่ต้องการวิกผม แต่ผู้ผลิตกลับไม่มีสินค้าให้ เนื่องจากขาดแคลนแรงงานทำให้ผลิตไม่ทัน โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งแม้ว่าร้านค้าจำนวนมากจะหยุดให้บริการชั่วคราว แต่ปริมาณการขายผ่านทางออนไลน์กลับเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 80

 

ขณะที่แพลตฟอร์ม AliExpress แพลตฟอร์มออนไลน์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของบริษัทอาลีบาบาเช่นเดียวกับแพลตฟอร์มเถาเป่า ก็มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในเดือนเมษายน 2563 พบว่ายอดขายวิกผมในตลาดหลักอย่างยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ100 ขณะที่เดือนพฤษภาคม 2563 มีผู้จำหน่ายวิกผมเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2563 สอดคล้อง กับข้อมูลสถิติจากแอพลิเคชั่น Tianyancha ( เทียนเหยียนฉา) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มฐานข้อมูล และ search engine ของจีนแห่งหนึ่งเปิดเผยว่าปี 2562 จีนมีบริษัทวิกผมที่จดทะเบียนธุรกิจใหม่มากถึง 8,400 ราย

จีน 250 ล้านคนเสี่ยง “หัวล้าน” โอกาสทองไทยเจาะตลาด “วิกผม”

 

แม้ว่าอุตสาหกรรมวิกผม หรือ Wig Economy จะประสบปัญหาการหยุดชะงักและการขาดแคลนในช่วงเวลาหนึ่งเนื่องจากผลกระทบของโรคโควิด-19แต่ยังพบว่าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปลูกผม ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วง และวิกผมยังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลการสำรวจของคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุข แห่งชาติจีน พบว่าชาวจีนที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี คือกลุ่มคนที่ประสบกับปัญหาผมร่วงอันดับแรก ๆ ของจีน ซึ่งชาวจีนวัยประมาณ 30 ปี เป็นวัยที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับผมหรือความกังวลเกี่ยวกับหัวล้านเป็นอย่างมาก ทำให้พบว่าชาวจีนที่มีอายุระหว่าง 21-30 ปี เริ่มซื้อยาสระผมป้องกันผมร่วงเป็นจำนวนมาก

 

และในปีที่ผ่านมายังพบว่าเครื่องกระตุ้นการเกิดผมกลายเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน ขณะที่ “วิกผม” ได้กลายเป็นคำที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ค้นหาในแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลลดราคา 11.11 ของปีที่ผ่าน คำว่า “วิกผม” ถูกจัดให้เป็น 1 ในคำค้นหายอดนิยมในหลาย ๆ แพลตฟอร์มออนไลน์

 

สคต. ณ เมืองชิงต่าว ชี้ว่า จากที่ปัจจุบันคนหนุ่มสาวชาวจีนมีความกดดันสูง จากสภาพแวดล้อมและการแข่งขัน ทำให้คุณภาพชีวิตและ สภาพจิตใจไม่ดีมากนักเมื่อเทียบกับชาวจีนในรุ่นบรรพบุรุษ ซึ่งพบว่าคนหนุ่มสาวชาวจีนโดยเฉลี่ยประสบกับปัญหาผมร่วงเร็วขึ้น 15-20 ปี ทำให้คนหนุ่มสาวเริ่มหันมาให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัญหาผมร่วงและหัวล้านมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวกับผม อาทิ การปลูกผม ยาบำรุงรักษาเส้นผมและป้องกันผมหลุดร่วง และวิกผม มีโอกาสเติบโตเป็นอย่างมาก

 

โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2562-2574 หรือในช่วง 12 ปี จีนจะมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ย (CAGR) ของตลาดวิ กผมอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 13-17 ซึ่งการเติบโตของตลาดวิกผมในกลุ่มผู้บริโภคจีนดังกล่าว ถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยที่จะนำเอาผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับวิกผมที่ผลิตและพัฒนามาจากวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติ เนื่องจากชาวจีนมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย

 

จีน 250 ล้านคนเสี่ยง “หัวล้าน” โอกาสทองไทยเจาะตลาด “วิกผม”

 

นอกจากนี้การขาดแคลนแรงงานและกำลังการผลิตที่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติในจีนส่งผลให้เกิดการขาดแคลนสินค้า และขาดแคลนวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ จึงนับเป็นอีกโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่ขยายตลาดวิกผม และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องไปยังประเทศจีน รวมทั้งคู่ค้าของจีน

 

โดยในระยะสั้น ผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ รสนิยม และกลุ่มผู้บริโภคหลักของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาผมในตลาดส่งออกเป็นสำคัญ เพื่อให้สินค้าไทยเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่รักความสวยงาม และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศจีน และในภูมิภาคอื่น ๆ ขณะที่ในระยะยาวต้องเร่งพัฒนานวัตกรรมและสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความประทับใจ และสร้างความนิยมให้แก่ผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย เพื่อให้สามารถครองส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาผมร่วง และหัวล้านได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป