"ทิพานัน" ลุย แจงรัฐเพิ่มสิทธิบัตรทองรักษาทุกที่

10 ต.ค. 2563 | 09:29 น.

"ทิพานัน" ลุย แจงรัฐบาลเพิ่มสิทธิบัตรทองรักษาทุกที่ ยกระดับบริการด้านสาธารณสุขเพื่อประชาชน นำร่องระดับปฐมภูมิ กทม.-ปริมณฑล เริ่ม 1 พ.ย. 63

10 ตุลาคม 2563 นางสาวทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่พระราม 2 เขตจอมทองเพื่อรับร้องเรียนต่างๆจากประชาชนและได้กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีมติเห็นชอบข้อเสนอยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) สามารถไปรับบริการที่ไหนก็ได้ว่า นับเป็นข่าวดีสำหรับพี่น้องประชาชนผู้ที่ได้สิทธิบัตรทองทั่วประเทศที่จะได้รับความสะดวกและมีทางเลือกในการเข้ารับบริการเพิ่มมากขึ้น ครอบคลุมและทั่วถึง

 

ตามนโยบายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์  โดยมีการพัฒนาระบบบริการบริการดูแลผู้มีสิทธิบัตรทอง คือ 4 นโยบาย ดังนี้

 

1.เมื่อเจ็บป่วยผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถเข้ารับบริการกับหมอประจำครอบครัวในหน่วยบริการปฐมภูมิทุกที่ในระบบบัตรทอง เริ่มนำร่องในกทม.และปริมณฑลในวันที่ 1 พ.ย.2563  

 

2.ในกรณีที่ใบส่งตัวครบกำหนด ผู้ป่วยในสามารถรั กษาต่อเนื่องได้ทันทีตามการวินิจฉัยของแพทย์ โดยไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวจากหน่วยบริการประจำ โดยปรับระบบให้ใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อตรวจสอบตัวตนของผู้ป่วยเท่านั้น เริ่มวันที่ 1 พ.ย.2563 ในเขต 9 นครราชสีมา และวันที่ 1 ม.ค.2564 ในกทม.และปริมณฑล

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

วิธีเช็กรายชื่อโรงพยาบาลยกเลิกสิทธิบัตรทอง

ด่วน!สปสช.ยกเลิกคลินิก-รพ.บัตรทองเพิ่มอีก 108 แห่ง 

สปสช.ยันสิทธิบัตรทอง 8 แสนราย เข้ารักษาใกล้บ้านได้ทุกแห่ง

สปสช.พบเพิ่มอีกทุจริต "บัตรทอง" 106 แห่ง

 

3.ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถเข้ารับบริการในสถานพยาบาลที่มีความพร้อมทุกแห่งทั่วประเทศ เริ่มวันที่ 1 ม.ค.2564  และ 4.ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน  โดยสถานพยาบาลสามารถพิสูจน์สิทธิ์และเบิกจ่ายค่าบริการได้ผ่านบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด เริ่มวันที่ 1 ม.ค. 2563

 

"จากนโยบายดังกล่าวเป็นการเพิ่มสิทธิให้กับประชาชนผู้ถือบัตรทอง ไม่ใช่ลดสิทธิบัตรทอง อะไรที่เคยมีสิทธิอยู่ก็ยังคงไว้   ขณะนี้มีความพยายามสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคม  เพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่พอใจให้กับพี่น้องประชาชน  ฉะนั้นอย่าหลงเชื่อผู้ที่ไม่หวังดี ให้ข้อมูลบิดเบือน  โดยขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น" น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ประชาชนยังคงต้องมีหน่วยบริการเป็นสิทธิหลักอยู่ และการไปใช้ได้ทุกที่ในพื้นที่นำร่องนั้น เป็นการไปใช้ในลักษณะเจ็บป่วยขั้นปฐมภูมิหรือเล็กน้อย ส่วนในกรณีการปิดคลีนิคไปเกือบ 200 แห่ง เพราะรัฐบาลตรวจสอบพบว่ามีการโกงประชาชนนั้น

 

ขณะนี้รัฐบาลโดยหน่วยงานของ สปสช. จะดำเนินการย้ายหน่วยบริการที่ใกล้ที่สุดให้อัติโนมัติซึ่งมีกว่า 500 แห่งรองรับภายใน 1 พ.ย.นี้ และหากท่านใดไม่พอใจหน่วยบริการยังสามารถย้ายได้หลังระบบได้เปลี่ยนแปลงให้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี จึงไม่อยากให้มองนโยบายในมิติทางการเมืองมากกว่ามิติทางด้านสาธารณสุข

 

ฉะนั้น ทุกฝ่ายควรจะช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ขอฝ่ายค้านไม่ใช่จ้องแต่จะดิสเครดิตรัฐบาลอย่างเดียวแต่ในทางกลับกันควรมองว่า หากรัฐบาลได้พัฒนาต่อยอดเพื่อสิทธิประโยชน์ของประชาชนที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การลดเหลื่อมล้ำทางสังคมดีกว่า