ดาวโจนส์ ปิดบวก 161.39 จุด รับมาตรการกระตุ้นศก.คืบหน้า

09 ต.ค. 2563 | 23:55 น.

ดาวโจนส์ปิดบวก 161.39 จุด ขานรับการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐคืบหน้า และในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 3.3%

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคาดว่าการเจรจาระหว่างนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลัง จะยังคงดำเนินต่อไป แม้จะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ก็ตาม

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,586.90 จุด เพิ่มขึ้น 161.39 จุด หรือ +0.57%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,477.13 จุด เพิ่มขึ้น 30.30 จุด หรือ +0.88% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,579.94 จุด เพิ่มขึ้น 158.96 จุด หรือ +1.39%

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ราคาทอง พุ่ง 31.1 ดอลลาร์ รอบสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้น 1%   

 

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 3.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.8% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 4.6% ซึ่งทั้งสองดัชนีปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์นับตั้งแต่เดือนก.ค.

 

ตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติมาตรการต่างๆ ที่เขาจะลงนาม ซึ่งได้แก่ การแจกเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันคนละ 1,200 ดอลลาร์ รวมทั้งการอัดฉีดวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน และวงเงิน 1.35 แสนล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจรายย่อย
         

ส่วนทำเนียบขาวได้ยื่นข้อเสนอครั้งใหม่แก่พรรคเดโมแครต โดยจะเพิ่มวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่พรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์
          

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่นายโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่
          

บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนได้เริ่มปรับตัวรับความเป็นไปได้ที่นายไบเดนจะชนะการเลือกตั้ง หลังจากการดีเบตรอบแรกเมื่อเดือนที่แล้วทำให้คะแนนนิยมของนายไบเดนพุ่งขึ้นแซงหน้าปธน.ทรัมป์ในโพลสำรวจความคิดเห็นหลายสำนัก
          

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาด โดยหุ้นไซลิงค์ พุ่งขึ้น 14.1% หลังมีรายงานว่าบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) กำลังเจรจาเพื่อซื้อกิจการของไซลิงค์ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเป็นมูลค่ามากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้น AMD ร่วง 3.94%
          

หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) เพิ่มขึ้น 2.9% หลังมีรายงานว่า โกลด์แมน แซคส์ ได้แนะนำ "ซื้อ" หุ้นจีอี โดยระบุว่าจีอีจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งจากผลกระทบของโรคโควิด-19
          

หุ้นกิลเลียด ไซแอนเซส (Gilead Sciences) เพิ่มขึ้น 1.81% หลังรายงานผลการทดลองขั้นสุดท้ายว่า ยา remdesivir ช่วยให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ฟื้นตัวเร็วขึ้น ซึ่งยาดังกล่าวเป็นตัวหนึ่งที่คณะแพทย์ใช้ในการรักษาอาการป่วยของปธน.ทรัมป์
          

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนก.ค. และเมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งดิ่งลง 5.2% ในเดือนส.ค.
          

ส่วนยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.0% หลังจากพุ่งขึ้น 4.8% ในเดือนก.ค. และรายงานยังระบุด้วยว่า เจ้าของธุรกิจจะใช้เวลา 1.31 เดือนในการขายสินค้าจนหมดสต็อก ลดลงจากระดับ 1.32 เดือนในเดือนก.ค.
          

ในสัปดาห์หน้า ตลาดจะจับตาการเริ่มต้นฤดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐ โดยธนาคารขนาดใหญ่จะเปิดฉากการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2563