ดีเบตรองปธน. แฮร์ริสอัดทรัมป์ “ล้มเหลว” เรื่องโควิด

08 ต.ค. 2563 | 04:17 น.

นางคามาลา แฮร์ริส เปิดฉากการโต้อภิปราย หรือ ดีเบต รอบรองปธน.สหรัฐเช้าวันนี้ (8 ต.ค. เวลาไทย) โดยการโจมตีปธน.ทรัมป์ ว่า “ล้มเหลว” อย่างสิ้นเชิงในการปกป้องประชาชนชาวอเมริกันจากภัยคุกคามของโควิด-19

 

การอภิปรายประชันวิสัยทัศน์ หรือ ดีเบต ระหว่าง นายไมค์ เพนซ์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน และ นางคามาลา แฮร์ริส คู่ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ได้เริ่มขึ้นแล้วในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยการดีเบตจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ เมืองซอลต์เลกซิตี้ รัฐยูทาห์ ซึ่งมีนางซูซาน เพจ หัวหน้าสำนักงานวอชิงตันของหนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ

ดีเบตรองปธน. แฮร์ริสอัดทรัมป์ “ล้มเหลว” เรื่องโควิด

คามาลา แฮร์ริส วิจารณ์นโยบายป้องกันโควิด-19 ของปธน.ทรัมป์ไม่ยั้ง

การดีเบตเปิดประเด็นแรกเกี่ยวกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  โดยนางเพจกล่าวกับนางแฮร์ริสว่า โรคโควิด-19 ยังไม่สามารถควบคุมได้ในขณะนี้ เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับตั้งคำถามกับนางแฮร์ริสว่า เธอจะใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่เพื่อปิดธุรกิจและโรงเรียน รวมทั้งออกคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากหรือไม่

 

นางแฮร์ริสตอบคำถามดังกล่าวด้วยการโยงถึงประชาชนกว่า 210,000 คนที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ผู้ติดเชื้อกว่า 4 ล้านราย และประชาชนตกงานกว่าหลายล้านคน ในจังหวะนี้ นางแฮร์ริสได้หันไปมองกล้องโทรทัศน์ ก่อนที่จะกล่าวกับบรรดาผู้ที่กำลังชมการถ่ายทอดสดทั่วโลกว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ รู้ปัญหานี้เป็นอย่างดี แต่กลับไม่ทำอะไรเลย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตาดีเบตคู่ชิงรองปธน.สหรัฐ เหตุใดจึงสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์

ดีเบตยกแรก "ทรัมป์ VS ไบเดน" ใครนำ ใครตาม 

CNN ชี้ดีเบตยกแรก "ไบเดน" นำ "ทรัมป์" 

โจ ไบเดน เลือก "คามาลา แฮร์ริส" ลงชิงตำแหน่งรองปธน.

 

"พวกเขารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาไม่ได้บอกพวกท่าน ท่านลองนึกภาพดูว่า หากท่านรู้ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. แทนที่จะเพิ่งรู้เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ท่านก็คงจะเตรียมตัวทัน ... ชาวอเมริกันได้ร่วมกันเป็นพยานถึงความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติของเรา" นางแฮร์ริสกล่าวโดยหันไปมองกล้องโทรทัศน์เพื่อพูดกับผู้ที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสด

บรรยากาศการโต้อภิปรายผ่านกระจกนิรภัย

นางแฮร์ริสยังกล่าวยังตรงไปตรงมาว่า หากมีวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ออกมาในช่วงที่คณะทำงานของปธน.ทรัมป์บริหารประเทศ ก็หมายความว่าวัคซีนดังกล่าวไม่ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ แต่ถูกเร่งรัดผลักดันโดยปธน.ทรัมป์ ซึ่งเธอจะไม่ยอมฉีดวัคซีนนั้น แต่หากผู้เชี่ยวชาญเช่น นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ให้การรับรอง เธอจึงจะยอมฉีดวัคซีนดังกล่าว

 

ในจังหวะนี้เอง นายเพนซ์พูดแทรกขึ้นมาว่า "การที่คุณบั่นทอนความเชื่อมั่นในวัคซีนเช่นนี้ ถือเป็นการกระทำที่ไม่อาจยอมรับได้" ซึ่งทำให้นางแฮร์ริสมีท่าทีไม่พอใจและพูดว่า "ท่านรองประธานาธิบดี ดิฉันกำลังพูดอยู่ค่ะ"

 

แต่นายเพนซ์ไม่หยุด และกล่าวต่อไปว่า "คุณมีคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนต้านโควิด-19 เพราะคุณรู้สึกว่าปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อเร่งการผลิตวัคซีน แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า "หยุดเล่นการเมืองกับชีวิตประชาชน"

 

นายเพนซ์ยังกล่าวด้วยว่า แผนการรับมือไวรัสโควิด-19 ของนางแฮร์ริสและนายโจ ไบเดนนั้น ถูกฉีกออกมาจากแนวทางที่คณะบริหารของปธน.ทรัมป์กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

 

"แผนการของพวกคุณเหมือนกับการขโมยความคิดของคนอื่น และโจ ไบเดนก็มีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับการจัดการในเรื่องนี้" นายเพนซ์หาจังหวะกล่าวได้ในที่สุด