ดาวโจนส์ ปิดพุ่ง 530.70 จุด ขานรับ"ทรัมป์"กลับใจหนุนแผนกระตุ้นศก.

08 ต.ค. 2563 | 00:03 น.

ดาวโจนส์ ปิดพุ่ง 530.70 จุด ขานรับ"ทรัมป์"กลับใจให้การสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หันกลับมาให้การสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการอัดฉีดเงินเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งบ่งชี้ถึงความสำคัญของการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,303.46 จุด เพิ่มขึ้น 530.70 จุด หรือ +1.91% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,419.45 จุด เพิ่มขึ้น 58.50 จุด หรือ +1.74% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,364.60 จุด เพิ่มขึ้น 210.00 จุด หรือ +1.88%

 

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ หลังจากปธน.ทรัมป์กลับลำด้วยการทวีตข้อความอีกครั้งเมื่อวานนี้ว่า เขาจะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายฉบับ เพื่อเยียวยาประชาชนและบางภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งอนุมัติมาตรการต่างๆที่เขาจะลงนาม ซึ่งได้แก่ การแจกเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันคนละ 1,200 ดอลลาร์ รวมทั้งการอัดฉีดวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมการบิน และวงเงิน 1.35 แสนล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจรายย่อย

 

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของปธน.ทรัมป์ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวล หลังจากที่ก่อนหน้านั้นไม่นาน ปธน.ทรัมป์ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระงับการเจรจากับพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.         

หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นขานรับปธน.ทรัมป์กลับลำสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 4.31% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.51% ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 5.69% หุ้นแอมะซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 3.09% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 1.9% หุ้นแอปเปิล บวก 1.7%

 

หุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มสินค้าผู้บริโภคพุ่งขึ้นขานรับข่าวดังกล่าวเช่นกัน โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ทะยานขึ้น 7.38% หุ้นอัลโค คอร์ป พุ่งขึ้น 4.88% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ พุ่งขึ้น 3.61% ส่วนหุ้นในกลุ่มสินค้าผู้บริโภคนั้น หุ้นฟิลลิป มอร์ริส พุ่งขึ้น 4.59% หุ้นโคคา โคล่า พุ่งขึ้น 1.27% หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เพิ่มขึ้น 0.78% หุ้นคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค บวก 0.57%

 

หุ้น Eli Lilly & Co ซึ่งเป็นบริษัทยาของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.35% หลังจากทางบริษัทได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) เพื่อขอใช้แอนติบอดี้ในการรักษาโรคโควิด-19

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมเดือนก.ย.ของเฟดซึ่งบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยเฉพาะมาตรการให้ความช่วยเหลือคนว่างงานซึ่งได้หมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.และยังไม่มีการต่ออายุจนถึงขณะนี้         

ทั้งนี้ เฟดย้ำว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว และหากไม่มีการเยียวยาเพิ่มเติม ก็จะสร้างความยากลำบากให้กับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย

 

นักลงทุนจับตาการประชันวิสัยทัศน์ของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน และนางคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ในการดีเบตที่จะมีขึ้นในเวลา 21.00 น.ของวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเวลา 08.00 น.ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค.