"สิทธิบัตรทอง" ร้องนายกรัฐมนตรี ตั้ง กก.สอบ สปสช.

06 ต.ค. 2563 | 04:17 น.

“ศรีสุวรรณ” นำผู้ป่วยบัตรทอง ร้อง นายกรัฐมนตรี ตั้ง กก.สอบ สปสช.

6 ตุลาคม 2563 ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาล นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำผู้ป่วยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ได้ยกเลิกสัญญาการให้บริการบัตรทองของสถานพยาบาลต่างๆใน กทม.กว่า 190 แห่ง หลังจากตรวจพบการทุจริตการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเป็นจำนวนมาก กระทบประชาชนรวมกว่า 2 ล้านคนนั้น

 

ทั้งนี้ ชาวบ้านและหรือผู้ป่วยบัตรทองทั่วกรุงเทพมหานคร รวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลต่างๆจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของ สปสช. ในการยกเลิกสัญญาดังกล่าว เห็นว่า การดำเนินการของ สปสช. มีข้อพิรุธ และมีข้อสงสัยในความโปร่งใสหลายประการ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

วิธีเช็กรายชื่อโรงพยาบาลยกเลิกสิทธิบัตรทอง 

ผู้ป่วยบัตรทองกรณีคลินิกถูกยกเลิกสัญญา "สิทธิว่าง"เข้ารับการรักษาที่รพ.ได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย

สปสช.ยันสิทธิบัตรทอง 8 แสนราย เข้ารักษาใกล้บ้านได้ทุกแห่ง

อัพเดท "ขั้นตอน-วิธีการ"ย้ายสิทธิบัตรทองด้วยตนเองได้ 2 ช่องทาง 

 

โดยเฉพาะยังไม่ปรากฏว่า จะมีการสอบสวนเอาผิดผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของ สปสช. ที่มีส่วนร่วม หรือรู้เห็นการทุจริตบัตรทองแต่อย่างใด มีแต่ปล่อยข่าวเล่นงานเฉพาะสถานพยาบาลต่างๆ ประหนึ่งจะกลบเกลื่อนความผิดของพวกพ้องกันเอง จึงได้นำความมายังร้องนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสั่งการ ดังนี้

 1.ขอให้ใช้อำนาจตาม พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ม.11(6) เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษ ขึ้นมาเพื่อดำเนินการตรวจสอบการใช้อำนาจของคณะผู้บริหาร ผู้บริหาร และพนักงานเจ้าหน้าที่ของ สปสช. ที่มีพฤติการณ์ หรือการกระทำในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ให้กับสถานพยาบาลทั้ง 190 แห่งหรือมากกว่านั้น ที่มีการตรวจพบการทุจริตการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตามการแถลงของ สปสช. ผ่านสื่อมวลชน

 

2.สั่งการให้รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ใช้อำนาจตาม ม.18(7) แห่งพรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 ในการปรับปรุงแก้ไขการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ในการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ในกรณีที่ผู้รับบริการได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้น จากการสวมสิทธิ์หรือแอบอ้างสิทธิ์ของผู้รับบริการ เพื่อนำไปดำเนินการการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และค่าเสียหายที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับการบริการยังสถานบริการแห่งใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น และเสียเวลามากขึ้นด้วย 

 

3.สั่งการให้ประธานบอร์ด สปสช. ใช้อำนาจตาม ม.18(11) แห่ง พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 ในการปรับปรุงแก้ไขการกำหนดหลักเกณ์เพื่อ “แยกปลาออกจากน้ำ” เกี่ยวกับการลงโทษปรับทางปกครอง และเพิกถอนการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการต่าง ๆ ให้มีรายละเอียดการลงโทษที่ชัดเจนและมีพยานหลักฐานที่เชื่อถือได้ มิใช่การเหมาเข่ง โดยที่หน่วยบริการที่ถูกผลของคำสั่งมิได้ชี้แจง หรืออุทธรณ์ ตาม พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 2539 ทั้งนี้ ภายใต้การมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย นายศรีสุวรรณ กล่าว