เปิดโผ 3 กลุ่มหุ้นมีโอกาสชนะตลาด ท่ามกลางความผันผวนสูง

05 ต.ค. 2563 | 07:27 น.

บล.ทิสโก้ เปิดโผ 3 กลุ่มหุ้นเด่นมีโอกาส “Outperform” ตลาด 1.กลุ่มอิงการเติบโตของเทคโนโลยีและกระแส “New Normal 2.กลุ่มปันผลยิลด์สูงกว่า 4% และ 3.กลุ่ม Small Cap งบ Q3 โดดเด่น

บทวิเคราะห์ STRATEGY บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้มองหุ้น 3 กลุ่มมีโอกาส “Outperform” ในระยะสั้น ท่ามกลางภาวะตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยระบุว่า

 

ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ทั้งหุ้นและน้ำมันปรับตัวลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ต.ค.) โดย SET Index ร่วง 10 จุด มาปิดที่ 1237 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน หลังทราบข่าวประธานาธิบดี “ทรัมป์” พร้อมภรรยาติดเชื้อ COVID-19 และปัจจุบันกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทหารวอลเทอร์รีดในกรุงวอชิงตันดีซี

 

ข่าวการติดเชื้อฯ ของประธานาธิบดีทรัมป์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่มีการโต้วาทีของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบแรกเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา และนำไปสู่การตรวจหาเชื้อฯ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงนาย “ไบเดน” ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตด้วย แต่ผลการตรวจของไบเดนเป็น “Negative”


การรักษาตัวของทรัมป์ มีผลกระทบต่อกำหนดการหาเสียงในรัฐต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจแพ้ศึกการเลือกตั้งในช่วง 1 เดือนสุดท้ายที่คะแนนของทรัมป์ยังเป็นรองไบเดนอยู่มาก

 

จากข้อมูลโพลเฉลี่ยของเว็บไซต์ “RealClearPolitics.com” นับตั้งแต่มีการโต้วาทีครั้งแรกเป็นต้นมา คะแนนของไบเดนปรับตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด 5 วันติดต่อกัน ล่าสุดมาอยู่ที่ 50.6 จุด vs ทรัมป์ที่คะแนนลดลงมาอยู่ที่ 42.5 จุด สอดคล้องกับตลาดรับพนันของเว็บไซต์

 

“Predictit.org” ที่อัตราต่อรองประเมินโอกาสที่ไบเดนจะชนะการเลือกตั้งพุ่งแตะระดับ 63% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่ ก่อนที่จะอ่อนตัวเล็กน้อยมาอยู่ที่ 61% หลังมีข่าวว่าทรัมป์อาจได้ออกจากโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์นี้ (5 ต.ค.)

 

อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ทรัมป์ป่วยหนักต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน เราเชื่อว่าการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. ยังคงดำเนินต่อไปตามกำหนดการเดิมเพราะนาย “ไมค์ เพนซ์” ซึ่งเป็นรองประธานาธิบดีคาดจะเป็นผู้ทำหน้าที่แทน (ผลการตรวจเชื้อฯ ล่าสุดของไมด์ เพนซ์เป็น “Negative”)

 

นอกจากนี้ การเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ใช่อำนาจของประธานาธิบดี แต่เป็นอำนาจของสภาคองเกรส ซึ่งเรามองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพรรคเดโมแครตเป็นผู้ควบคุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ  และยิ่งไปกว่านั้น ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ยังไม่เคยมีการเลื่อนการเลือกตั้งเลยแม้จะเผชิญอยู่ในภาวะสงคราม, ภัยธรรมชาติ, การโจมตีจากผู้ก่อการร้าย, การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ และการตกต่ำของภาวะเศรษฐกิจก็ตาม


เรามองไบเดนมีโอกาสสูงขึ้นจะชนะศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป คาดจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น EM เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ น่าจะถูกดดันจากนโยบายขึ้นภาษีของไบเดน แต่ขณะเดียวกันนโยบายต่างประเทศของไบเดนที่ประนีประนอมมากกว่าทรัมป์ คาดจะทำให้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และชาติอื่น ๆ โดยเฉพาะจีน ผ่อนคลายลง น่าจะช่วยกระตุ้นกระแสเงินทุนต่างประเทศเคลื่อนย้ายเข้าสู่หุ้น EM มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียในปีนี้ที่มีเงินไหลออกเกือบทุกตลาดยกเว้นจีนและอินเดีย

 

 

ถึงแม้ SET Index มีแนวโน้มผันผวนเพิ่มขึ้นในระยะสั้นตามทิศทางหุ้นโลกและราคาน้ำมัน แต่เรายังคงมุมมองเป็นจังหวะซื้อสะสม โดยเฉพาะหาก SET Index ปรับลงมาที่บริเวณ 1200 จุดหรือต่ำกว่า เพราะเชื่อว่าระดับการประเมินมูลค่าดังกล่าวน่าจะจูงใจเม็ดเงินจำนวนที่ยังอยู่ในเงินฝากธนาคารและตลาดเงิน (Money Market) โยกเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น  หุ้นที่น่าสะสม “เพื่อการลงทุน” หวังผลปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า แนะนำ AEONTS, AOT, BAM, BDMS, BEM, CPALL, KTC, MTC และ WHA  

 

สำหรับหุ้นที่เรามองว่ามีโอกาส “Outperform” กว่าตลาดในระยะสั้น จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ

 

1) กลุ่มเกี่ยวข้องกับการเติบโตของเทคโนโลยีและกระแส “New Normal” – HANA, COM7, ILINK, SYNEX

 

2) กลุ่มหุ้นปันผลที่ให้ Div. Yield สูงกว่า 4% ต่อปี และค่า Beta น้อยกว่า 1 เท่า ชอบ EASTW, INTUCH, QH, NYT, PROSPECT, RATCH, TVO

 

3) กลุ่มหุ้น Small Cap ที่คาดงบ 3Q20F จะออกมาดี โดยหุ้นเด่นที่เราแนะนำในเดือน ต.ค. ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้น Small Cap คือ BGC, PRM SEAFCO, SMPC, SYNEX, TPIPL