2 ต.ค. 2563 นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นำคณะเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนเดินทางเยือน ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย และเยี่ยมชมโรงงานผลิตของ 3 บริษัทเรือธงสัญชาติอเมริกันในภาคอุตสาหกรรม ในจังหวัดระยอง ได้แก่ บริษัท แบ็กซ์เตอร์ เมนูแฟคเจอริ่ง หนึ่งในบริษัทบริการด้านสุขภาพของสหรัฐฯ แห่งแรก ๆ ที่เข้ามาลงทุนในไทย บริษัท การ์เดียน กลาส ผู้ผลิตกระจกรายใหญ่ลำดับต้นๆ ของโลก และบริษัท ฟอร์ด แมนูแฟคเจอริ่ง หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่และเป็นที่รู้จักมากที่สุดในไทย
ทั้งสามธุรกิจดังกล่าวล้วนเป็นบริษัทอเมริกันที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นเวลายาวนาน และมีฐานการผลิตอยู่ใน EEC ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตดีซอมบรีได้เน้นย้ำถึงบทบาทของบริษัทอเมริกัน ในการนำมาซึ่งกระบวนการการผลิตที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งด้วยประสบการณ์ด้านธุรกิจในภูมิภาคเอเชียมากว่า 20 ปี เอกอัครราชทูตดีซอมบรีมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“หนึ่งในประเด็นสำคัญสำหรับผมคือการร่วมมือกับรัฐบาลไทยเพื่อดึงบริษัทและการลงทุนของสหรัฐฯ เข้ามาในไทย ในขณะที่ทั่วโลกกำลังฟื้นตัวจากโรคระบาดใหญ่และบริษัททั้งหลายปรับตัวรับภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เราหวังว่านักลงทุนอเมริกันจะยกระดับการดำเนินงานที่มีอยู่ในไทย และบริษัทใหม่ ๆ จะคว้าโอกาสนี้ย้ายฐานการลงทุนและห่วงโซ่อุปทานมาที่นี่”
ทั้งนี้ บริษัทอเมริกันได้เข้ามาลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในไทย และสหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทย แม้การค้าระหว่างสหรัฐฯ และไทยจะมีมูลค่ารวมถึง 47,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา (2562) แต่ก็ยังคงมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยอยู่ในอันดับ1 ของประเทศที่เหมาะ เริ่มต้นทำธุรกิจ
สถานทูตสหรัฐออกแถลงการณ์ ยันไม่เคยให้ทุนหนุนม็อบ
“เรากำลังเดินหน้ายกระดับความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งมีความสำคัญกับรัฐบาลไทย ทั้งภาคการเกษตร การสาธารณสุข พลังงาน เศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนการศึกษาวิจัยและนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง และเรายังทำงานกับรัฐบาลไทยเพื่อดึงดูดการลงทุนมายังอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (S-Curve) ใน EEC อีกด้วย” เอกอัครราชทูตดีซอมบรีกล่าว
พร้อมกันนี้ เอกอัครราชทูตดีซอมบรียังเปิดเผยว่า จากการได้พบปะหารือกับเอกอัครราชทูตอังกฤษ เอกอัครราชทูตเยอรมนี และเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เมื่อเร็ว ๆนี้ ท่านทูตทั้ง 4 ประเทศได้ข้อสรุปเป็นข้อเสนอแนะเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลไทยในการเสริมสร้างจุดแข็งและเพิ่มความน่าดึงดูดใจให้กับประเทศไทยในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งสามารถประมวลได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้