นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทุกปีทางสมาคมโรงสีข้าวไทย จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ซึ่งในปี 2563 ในวันที่ 12 ธันวาคม 2563 เวลา 8:30 ถึง 17:00 น. ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาปทุมธานี โดยมีวาระสำคัญเลือกตั้งนายกสมาคมโรงสีข้าวไทยและเหรัญญิก ขอเรียนเชิญที่ปรึกษา กรรมการ และสมาชิก เข้าร่วมประชุม ในวันและเวลาดังกล่าว
“สมาคมโรงสีข้าวไทยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 โดยมี ท่านเจริญ อุ่นอนันต์ เป็น นายกสมาคมฯท่านแรก ซึ่งในช่วงทศวรรษแรกสมาคมฯ ได้ทำงานในหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับ หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และเกษตรกร สมาคมฯได้ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ในด้านต่างๆรวมไปถึงความรู้เกี่ยวกับระบบการค้าข้าว กระทั่งสามารถสร้างความเป็นปึกแผ่นรวมทั้งความแข็งแกร่งภายในสมาคมฯได้เป็นอย่างดี เป็นปากเสียงของคนโรงสีทั่วประเทศ อีกทั้งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของชาวนา และสร้างทัศนคติเชิงบวกให้แก่สังคมได้ด้วย ซึ่งทั้งหมดก็เป็นไปตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคมโรงสีข้าวไทยขึ้นมา”
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ณ ปัจจุบัน ผ่านมาแล้ว 40 กว่าปี มีนายกสมาคมฯ จนถึงปัจจุบัน 16 ท่าน สมาคมก็ยังคงทำงานสานต่อเจตนารมณ์ที่ได้ตั้งไว้มาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายวิกฤติแล้วก็ตาม โดยเน้นที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับชาวนา ตอบสนองนโยบายภาครัฐ และทำหน้าที่เป็นตัวแทนของโรงสีข้าวทั่วประเทศอย่างเต็มกำลังมาโดยตลอด
อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องจริงที่ว่ามีสมาชิกบางส่วนที่ค้างชำระค่าบำรุงสมาคมฯรายปี แต่ก็มีสมาชิกอีกจำนวนมากที่ชำระค่าบำรุงสมาคมฯอย่างต่อเนื่อง และไม่เคยค้างค่าบำรุงสมาคมเลย ทั้งนี้สมาชิกบางส่วนที่ค้างอาจเกิดจากการตกหล่นไปบ้างเนื่องจากถือเป็นหน้าที่ ของสมาชิกแต่ละท่าน แต่เมื่อแจ้งไปสมาชิกส่วนมากก็แจ้งความประสงค์ที่จะชำระย้อนหลังเข้ามาเป็นจำนวนมากทันที หรือบางรายก็แจ้งว่าจะไปชำระหน้างานในวันประชุมใหญ่สามัญ จึงไม่อยากมองว่าเป็นการขาดความศรัทธาภายในสมาคมฯแต่อย่างใด อีกทั้งในช่วงวิกฤติที่ผ่านมาสมาชิกทุกท่านต่างต้องพยายามดิ้นรนต่อสู้ประคองธุรกิจให้อยู่รอดไปได้ และในสภาวะเศรษฐกิจที่สมาชิกต้องเผชิญอยู่ก็มีผลต่อสภาวะจิตใจของผู้ประกอบการไม่มากก็น้อย แต่ความมีส่วนร่วมของสมาชิกต่อสมาคมฯ ก็ไม่ได้ลดลง นี่จึงน่าจะเป็นตัววัดความศรัทธาที่มีต่อสมาคมฯได้เป็นอย่างดี
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า การให้ความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมของเหล่าสมาชิก รวมถึงระยะเวลาที่สมาคมฯดำรงอยู่ได้กว่า 40 ปี รวมถึงความน่าเชื่อถือ ความมีประสิทธิภาพในการทำงาน การได้รับเชิญเข้ามีส่วนร่วมในคณะกรรมการ หรือ คณะอนุกรรมการในหน่วยงานของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้สมาคมฯถือเป็นความสำเร็จที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งสมาชิกและหน่วยงานภายนอก นับได้ว่าเป็นไปตรงตามวัตถุประสงค์ที่สมาคมฯตั้งใจไว้ นอกเหนือจากงานด้านนโยบายที่สมาคมฯได้เข้าไปมีบทบาทแล้ว ที่ผ่านมาสมาคมฯก็ยังมีส่วนร่วมในงานและกิจกรรมด้านสังคมอื่นๆด้วย เช่น การที่สมาชิกได้ร่วมกันบริจาคเงินผ่านสมาคมฯเพื่อช่วยสนับสนุนภาครัฐในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ และ ครั้งล่าสุดภัยจากโควิด-19 ซึ่งสมาชิกต่างให้ความร่วมมือกันอย่างดียิ่ง
สำหรับผู้ที่มาเป็นนายกสมาคมโรงสีข้าวไทยนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออุดมการณ์ต่อสมาคมที่มีความมุ่งเน้นที่จะทำงานด้านสังคม และผลงานจะต้องเป็นที่ประจักษ์ต่อทั้งสายตาคนภายนอกและคนภายในอุตสาหกรรมข้าวทั้งหมด ทั้งนี้ความศรัทธาจากสมาชิกถือเป็นบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารทั้งคณะ โดยสมาคมฯจะยืนอยู่ได้อย่างยั่งยืนนั้นต้องให้ความสำคัญที่องค์กร
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดนี้กำลังจะสิ้นสุดวาระลงภายในเร็วๆนี้ โดยเฉพาะนายกสมาคมฯ มีวาระ 2 ปี แต่สามารถดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน เบื้องต้นมีผู้ขันอาสา 2 ท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องขอชื่นชมทั้ง 2 ท่าน คือ คุณหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฎ โรงสีเอกวัฒนาพืชผล จังหวัดนครราชสีมา และ คุณรังสรรค์ สบายเมือง บริษัทกำแพงเพชร เอ็กซ์ปอรต์ (โรงสีสนั่นเมือง) จังหวัดกำแพงเพชร ที่ได้ขันอาสาเสนอตัวให้สมาชิกพิจารณาการเป็นนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย แต่ทั้งนี้สมาชิกท่านอื่นก็ยังสามารถที่จะขันอาสา โดยการประกาศตัวขึ้นก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่ได้อีก และสามารถนำเสนอตัว หรือสมาชิกเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ในวันประชุมได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับที่ประชุม มอบฉันทามติให้ท่านใด ในวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 63 ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2563 อย่างไรก็ดียังเหลือเวลาดำรงตำแหน่งนายกสมาคมประมาณ 2 เดือนเศษ ที่จะหมดวาระลง