นายกฯระบุกรณีป.ป.ช.ชี้มูล“นิพนธ์”ยังต้องสู้กันในศาล

02 ต.ค. 2563 | 11:40 น.

“นายกฯ”ระบุป.ป.ช.ชี้มูล“นิพนธ์”สมัยนั่งนายก อบจ.สงขลา ยังต้องสู้กันในชั้นศาล ตามขั้นตอนของกฎหมาย ด้าน“วิษณุ”เผยยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ รมต.

 

วันนี้(2 ต.ค.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลา ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ มิได้อนุมัติงบประมาณเบิกจ่ายเงินให้กับ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,850,000 บาทว่า ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว หลังจากนั้นกติกาเป็นอย่างไรต่อ ก็ไปสู้ในศาล อะไรก็ว่ากันไป และเมื่อวันที่ 1 ต.ค. นายนิพนธ์ ได้ชี้แจงออกมาแล้ว เป็นเรื่องของศาล

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากเขาชี้ชัดว่าผิดก็กระทบ กติกาอยู่กับรัฐบาลมาตั้งนานแล้วว่า กรณีจะพ้นหน้าที่ หรือจะต้องถูกออก มีกรณีไหนบ้าง กฎหมายไทยเขียนไว้อย่างนั้นว่า เมื่อมีคำตัดสินจะต้องหยุดเมื่อมีคำตัดสินที่ชัดเจนจากกระบวนยุติธรรมคือ ศาล ส่วน ป.ป.ช.เป็นเรื่องของการชี้มูล และส่งฟ้องศาล กระบวนการเป็นอย่างนี้

 

 

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า นายนิพนธ์ ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะตามรัฐธรรมนูญ 2560 ต่อให้ป.ป.ช.ชี้มูลใครก็ตามก็ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีการส่งเรื่องไปถึงศาล และศาลอาจจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้ายังไม่ถึงศาลยังมีอัยการคั่นกลางอยู่

 

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้กรณีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ก็เคยถูกส่งเรื่องไปที่ศาล ศาลก็ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ก่อนหน้านี้ที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 กำหนดให้ต้องหยุดเมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูล แต่รัฐธรรมนูญปี 2560 มีการเปลี่ยนแปลง โดยมาตรา 235 วรรค 3 ระบุว่า เมื่อศาลฎีกา หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้องให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งศาลจะสั่งในวันประทับรับฟ้อง แต่ถ้าศาลไม่สั่งอะไรก็ต้องหยุด