"จุรินทร์”โชว์ผลงาน ดันยางพาราทะลุ 60 บาทต่อกก.
จุรินทร์โชว์ผลงานผลักดันราคา ยางพารา ล่าสุดยางแผ่นดิบรมควันราคาเกินกิโลกรัมละ 60 บาทแล้ว หลังใช้มาตรการเสริม แถมตลาดโลกฟื้นตัว หนุนใช้ยางรถยนต์เพิ่ม และมีความต้องการใช้ถุงมือยางสู้โควิด-19 ทำความต้องการยางพาราพุ่ง เผยจะมีการจัดแมชชิ่งออนไลน์ซื้อขายอีก 1 ต.ค.นี้ คาดขายได้หลายหมื่นตัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลสามารถผลักดันให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยราคายางแผ่นดิบรมควันแตะกิโลกรัม (กก.)ละ 60 บาท และบางช่วงเกิน 60 บาทแล้ว น้ำยางข้นราคากก.ละ 50 กว่าบาท และยางก้อนถ้วย กก.ละ 20-22 บาท และคาดว่าราคาจะดีขึ้นอีก เพราะมาตรการที่รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อกระตุ้นการนำยางพาราไปใช้ และมาตรการหาตลาดล่วงหน้า รวมถึงการใช้มาตรการเสริมเข้ามาช่วย ได้ส่งผลดี ทำให้มีความต้องการใช้ยางพาราเพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อเนื่องถึงราคายางพาราที่ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของการนำยางพารามาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยทางถนน โดยนำไปทำแผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีตและหลักนำทางยางธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าทำเสาหลักกิโล รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการดำเนินการ ซึ่งได้อนุมัติงบประมาณดำเนินการไปแล้ว ได้ส่งผลดีทำให้มีการซื้อยางพาราเพิ่มขึ้น
ส่วนมาตรการหาตลาดล่วงหน้า ที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรฯ ออกไปหาตลาดและได้มีการทำสัญญาซื้อขายกับหลายประเทศ เช่น จีน ตุรกี ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการส่งมอบ ทำให้มีการซื้อยางพาราเพิ่มขึ้น และในวันที่ 1 ต.ค.2563 จะมีการจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์สินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราผ่านทางออนไลน์ระหว่างผู้ซื้อ ผู้นำเข้า กับผู้ประกอบการของไทยอีกครั้ง คาดว่าจะขายยางได้อีกหลายหมื่นตัน ซึ่งจะส่งผลให้มีการซื้อยางพาราจากเกษตรกรเพิ่มขึ้นอีก
นอกจากนี้ ราคายางพารายังได้รับผลดีจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการใช้รถยนต์เพิ่มขึ้น และส่งผลต่อเนื่องทำให้มีการใช้ยางรถยนต์เพิ่มขึ้นตาม ทำให้ยางแผ่น ยางแท่งขายได้ดีขึ้น ที่สำคัญ ผลจากโควิด-19 ระบาด ทำให้มีการใช้น้ำยางข้นไปทำถุงมือยางเพิ่มมากขึ้น ความต้องการก็เพิ่ม เลยส่งผลต่อเนื่อง ทำให้ราคายางของเกษตรกรดีขึ้น
ขณะเดียวกัน ผลจากการที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดให้ยางพาราเป็นสินค้าควบคุม และมีมาตรการให้ผู้ประกอบการรายงานสต๊อก โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการช่วยลดภาระดอกเบี้ยสำหรับการซื้อยางมาเก็บสต๊อกในอัตรา 2% ซึ่งกรมการค้าภายในจะเข้าไปตรวจสอบ ทำให้มีการเร่งซื้อยางเข้ามาเก็บสต๊อก และผลักดันให้ยางพาราปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากราคายางพาราต่ำกว่าราคาประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ก็จะได้รับการชดเชยส่วนต่างจากรัฐบาล ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางได้รับการดูแล โดยปัจจุบันโครงการระยะที่ 2 คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา วงเงิน 31,013.27 ล้านบาท ครอบคลุมเกษตรกร 1.83 ล้านราย มีราคาประกันรายได้ ยางแผ่นดิบ กก.ละ 60 บาท น้ำยางสด 100% กก.ละ 57 บาท และยางก้อนถ้วย กก.ละ 23 บาท