ตลาดบ้านหรู ดาวเด่นแนวราบ เอสซีฯ แกร่ง ลุยเปิดใหม่ 4 โครงการ

30 ก.ย. 2563 | 11:10 น.

เอสซี แอสเสท เผยผลประกอบการแนวราบเติบโต 9 เดือน กวาดยอดขาย 1.1 หมื่นล้านบาท ส่งผลไตรมาส 4 เตรียมเปิดใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่า 5.9 พันล้านบาท ขณะกลุ่มบ้านมากกว่า 10 ล้านบาท สุดแกร่ง ครองมาร์เก็ตแชร์ตลาดสูงสุด ด้านคอลลิเออร์สฯ ชี้ ตลาดบ้านหรูยังคึกคัก คาดเป็นดาวเด่นถึช่วงปี 2564

นายณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์  หัวหน้าสายงาน การตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจยอดขายรวมปี 2563 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 17,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน) บริษัทมียอดขายเฉพาะจากโครงการแนวราบแล้ว 11,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 38-40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเป้าหมายยอดขายโครงการแนวราบในปี 2563 ที่ 12,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ในปี 2563 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 14,200 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด  ส่วนในช่วงไตรมาส 4 บริษัทมีแผนเปิดตัว 4 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 5,900 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด อีสต์ พระราม9  ติดถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก บนพื้นที่ 24 ไร่ 1 งาน 52.2 ตารางวา  มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น  จำนวน 48 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 25 ล้านบาทต่อยูนิต และ 2.โครงการ เดอะ เจนทริ พัฒนาการ บนพื้นที่ 12 ไร่ 65.8 ตารางวา มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น สไตล์โมเดิร์น จำนวน 34 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 29.9 ล้านบาทต่อยูนิต 3.โครงการเฮด ควอเตอร์ส วิภาวดี มูลค่าโครงการ 100 ล้านบาท เป็นโฮมออฟฟิศสไตล์ Modern Luxury จำนวน 6 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 15.99 ล้านบาทต่อยูนิต  และ 4.โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด เวสต์เกต บนพื้นที่ 48 ไร่ 3 งาน 63.6 ตารางวา มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เป็นบ้าน 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์น จำนวน 168 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 7.99-20 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า 

"SC มีความแข็งแกร่งในโซนฝั่งตะวันออก และตะวันตกของกรุงเทพ ตลอดเวลามีการพัฒนาบ้านดีไซน์ใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง  จนทำให้ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เราเป็นผู้นำในตลาดบ้าน 10 บาทขึ้นไป มีมาร์เก็ตแชร์สูงเป็นอันดับ 1  "

สำหรับโครงการที่เปิดพรีเซลส์ไปก่อนหน้านี้และได้รับการตอบรับที่ดี ได้แก่ โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-อ่อนนุช บนพื้นที่กว่า 24 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล2  บนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อวงแหวน-กาญจนาภิเษก ครบครันสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ  ทั้งสถาบันการศึกษา เช่น ใกล้ Airport Link บ้านทับช้าง , สนามบินสุวรรณภูมิ , ร.ร.นานาชาติชาร์เตอร์ , วิทยาลัยนานาชาติราฟเฟิลส์, โรบินสัน ลาดกระบัง เพียง 51 ยูนิต ราคา 25-40 ล้านบาท

ตลาดบ้านหรู ดาวเด่นแนวราบ เอสซีฯ แกร่ง ลุยเปิดใหม่ 4 โครงการ

ขณะ นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แม้ที่ผ่านมา ตลาดที่อยู่อาศัยภาพรวม จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อแผนการดำเนินธุรกิจของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตาม กลับพบว่า อัตราการขายในกลุ่มแนวราบของหลายบริษัท สามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย และบางรายมีการปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น จากความต้องการใหม่ๆ ของผู้บริโภคในแง่ขนาดพื้นที่บ้านและที่ดิน โดยเฉพาะในทำเลหลัก กทม. พบ ณ ครึ่งปีแรก 2563 มีโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่อยู่ระหว่างการขายทั้งสิ้น 59,000 หน่วย จาก 365 โครงการ มูลค่ารวม 4.8 แสนล้านบาท ส่วนอัตราการขายอยู่ที่ระดับ 58% โดยมีหน่วยเหลือขายรวม 25,000 หน่วยเท่านั้น 

ทั้งนี้ ระดับราคาบ้านที่มีความน่าสนใจ จากความโดดเด่นของยอดขาย พบว่า อยู่ในกลุ่มบ้านหรูราคามากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราขายรวมกันได้มากถึง 69% สูงกว่าค่าเฉลี่ยรวม โดย 5 ปีที่ผ่านมา มีหน่วยสะสมที่อยู่ระหว่างการขายทั้งสิ้น 6,300 หน่วย ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะมาร์เก็ตแชร์สูงสุด กระจุกตัวใน 3 บริษัทขนาดใหญ่ โดยสัดส่วน 28% เป็นของบมจ.เอสซี แอสเสท ,รองลงมา 26% บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ,และ 21% บมจ.แสนสิริ  

ขณะในช่วงปี 2563 นั้น พบว่า ช่วงครึ่งปีแรก มีการเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มราคาดังกล่าวรวม 900 หน่วย ส่วนครึ่งหลังของปี คาดจะมีการเปิดใหม่อีกประมาณ 600 หน่วย รวมทั้งปีราว 1,500 หน่วย ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยที่แต่ละปีมีการเปิดใหม่รวมกันประมาณ 1,200 หน่วย คาดมาจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งรายใหญ่ และรายใหม่ขนาดกลาง เข้ามาในตลาดมากขึ้น จากความคึกคักของดีมานด์ และอีกแง่ มาจากราคาที่ดินในโซนสำคัญหลายแห่ง ปรับตัวขึ้นสูง ตามแผนเดินหน้าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายๆโครงการ ทำให้ต้องมีการพัฒนาโปรดักส์ที่มีราคาปรับขึ้นสูงตามไปด้วย 

"พบผู้ประกอบการ ยังมองหาที่ดินในขนาดเหมาะสม สำหรับ ไม่เกิน 100 หน่วยต่อโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบครัวระดับบน ทั้งกลุ่มบ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์โฮมที่เน้นขนาดของพื้นที่ คาดจะเป็นดาวเด่นของตลาดอสังหาฯ ในปีนี้ "

สำหรับอัตราดูดซับในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคามากกว่า 10 ล้านบาทนั้น นายภัทรชัย กล่าวว่า มีตัวเลขกลับมาอยู่ในระดับซึ่งสูงกว่าคอนโดมิเนียมเป็นครั้งแรก ที่ประมาณ 4.8% จากปกติช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า อยู่ที่ 3 - 3.5% ต่อเดือน/โครงการเท่านั้น  สะท้อนถึงดีมานด์ที่เติบโตดี และคาดว่าจะดีต่อเนื่องยาวไปจนถึงช่วงปี 2564

ทั้งนี้ ทำเลยอดฮิต ในกลุ่มแนวราบราคามากกว่า 10 ล้านบาท ปัจจุบันกระจุกตัวอยู่ใน 4 ทำเลสำคัญ คือ พัฒนาการ ,อ่อนนุช,กรุงเทพกรีฑา และบางนา ซึ่งสามารถเดินทางเข้าไปยังกรุงเทพฯชั้นในได้สะดวก ขณะเดียวกัน ก็เดินทางเชื่อมต่อไปยังโซนตะวันออก อย่างพื้นที่สำคัญของเศรษฐกิจใหม่ อย่าง อีอีซี ได้อย่างง่ายดาย โดยพบในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินปรับตัวขึ้นสูง เฉลี่ยประมาณ 3-6 % ต่อปี