Bitkub ดึงอินฟลูเอ็นเซอร์ออกเหรียญคริปโต
ซื้อขายแลกเปลี่ยนทรัพย์สินดิจิทัลคึกคัก Bitkub เผยครึ่งปีแรกโต 600% เดินหน้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ 2.0 เปิดซื้อขายสินทรัพย์จับต้องได้-จับต้องไม่ได้ ล่าสุดจับมืออินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดัง ยอดผู้ติดตามรวม 40 ล้านบัญชี ทั้ง เก๋ไก๋ สไรเดอร์ หรือ เฌอปราง BNK เปิดโครงการ$FANS (Fans Token) ออกเหรียญคริปโตแจกฟรีให้แฟนๆ พร้อมเปิดเทรดของรักรูปถ่ายต้นฉบับ
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง Bitkub และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปิทัล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าครึ่งปีแรกปี 2563 ที่ผ่านมาบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ซึ่งให้ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนทรัพย์สินดิจิทัล ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้คนไทยซื้อขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการเติบโตขึ้น 600% โดยบิทคับออนไลน์มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ในตลาดถึง 95% ของการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล มียอดการซื้อขาย 700-1,000 ล้านบาทต่อวัน เงินหมุนเวียนในแพลตฟอร์ม 4,000 ล้านบาทต่อเดือน และถือทรัพย์สินของลูกค้าที่ฝากเงินและคริปโตเคอเรนซีอยู่ในแพลตฟอร์มรวมกว่า 5,000 ล้านบาท มียอดสมาชิกซื้อขายบนแพลตฟอร์ม 300,000 คน
ยุทธศาสตร์ของ บิทคับ ออนไลน์ คือการมุ่งสู่ตลาดหลักทรัพย์ 2.0 เพื่อให้คนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ 100% ซึ่งบิตคอยน์ (bitcoin) ก็คือ สินทรัพย์ดิจิทัล ที่ในอนาคตอสังหา รวมถึงเพชร พลอย ทอง ก็จะสามารถออกเป็นเหรียญคริปโต เพื่อแปลงเป็น สินทรัพย์ดิจิทัล โดยอนาคตหุ้นจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสินทรัพย์ดิจิทัล ล่าสุด ได้ร่วมกับอินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดังที่มียอดผู้ติดตามรวมกว่า 40 ล้านบัญชี อาทิ เก๋ไก๋ สไรเดอร์ หรือ เฌอปราง BNK เปิดตัวโครงการ $FANS (Fans Token) และออกเหรียญคริปโตแจกฟรีให้แฟนๆ เป็นเจ้าของร่วมกัน
“เรากำลังจะ tokenization อสังหาริมทรัพย์, แบรนด์, ดาราผู้มีชื่อเสียง เช่น รูปภาพของเก๋ไก๋ที่มีจำนวนจำกัดให้กับแฟนคลับหรือ BNK รูปเฌอปรางที่ออกมาแค่ 1 รูปเท่านั้น ซึ่งรูปอื่น Copy ได้ก็จริง แต่เป็นของปลอม โดยรูปภาพของแม้จะเก็บไว้ด้วยบนบล็อกเชน สามารถตรวจสอบจากเทคโนโลยีบล็อกเชนได้ ซึ่งจะมีคุณค่าทางจิตใจระหว่างของจริงกับของปลอม เราสามารถเทรดบนตลาดบิทคับได้แล้ว ทุกอย่างที่มีมูลค่าสามารถเทรดได้หมด รูปภาพเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Asset) ชื่อเสียงดาราที่ยังสามารถเทรดได้ อีกทั้งสินค้าที่จับต้องได้สามารถเทรดได้หมดและที่ได้ร่วมกับอนันดาคือการซื้อขายอสังหา การทำ tokenization คอนโดต่อไปห้องละ 5 ล้านบาท ไม่ต้องมีเจ้าของคนเดียวเพียงมีเงิน 5 แสนบาทก็สามารถเป็นเจ้าของ 1 ส่วน 10 ของคอนโดที่มีมูลค่า 5 ล้านบาทได้ใครไม่อยากถือต่อก็สามารถขายที่ตลาดบิทคับ เช่นเดียวกับ หุ้น ปตท. ที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกันใครอยากขายก็สามารถซื้อขายได้ บิทคับจะกลายเป็นตลาดรองที่สามารถซื้อขายทรัพย์สินทุกชนิด ทั้งทรัพย์สินที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้
นายจิรายุส กล่าวต่อไปว่ามูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) สินทรัพย์ดิจิทัลบนบิทคับ จะมีขนาดใหญ่กว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) 2-3 เท่า ยังไม่รวมหุ้นเอสเอ็มอี ที่คิดเป็น 90% ของระบบเศรษฐกิจ โดยถ้าตลาดหลักทรัพย์ไม่รับ บิทคับก็สามารถเทรดหุ้นเอสเอ็มอีได้ ซึ่งบิทคับได้รับใบอนุญาต (License) จากกระทรวงการคลังเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตที่เรียกว่า “Digital Asset Exchange License” นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดกองทุนรวม (Mutual fund) และ กองทุนส่วนบุคคล (Private fund) รวมถึงมีบริการสั่งซื้อทางโทรศัพท์ ผ่านโบรกเกอร์ หรือดีลเลอร์ สำหรับนักลงทุนไม่มีบัญชี หรือไม่ถนัดซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์
ปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มเป็น 120 ล้านบาท ตั้งเป้าว่าจะสามารถทำรายได้ได้ราว 240 ล้านบาท และกำไรที่ประมาณ 120 ล้านบาท