ส่งความห่วงใยให้แก่เมียนมา

27 ก.ย. 2563 | 23:00 น.

คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์


           ในห่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ที่ถูกโรคระบาด COVID-19 ระลอกสองเข้ามาคุกคามความเป็นอยู่ของชาวเมียนมา ทำให้วันนี้อาการของประเทศเมียนมาอยู่ในขั้นน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เราเองในฐานะเพื่อนบ้าน ที่มีคนงานชาวเมียนมาเข้ามาทำงานในบ้านเรามากกว่าสามแสนคน (ทั้งที่เข้ามาแบบถูกกฎหมายและลักลอบเข้ามา) ทำให้ความผูกพันระหว่างประเทศเมียนมากับประเทศไทย แยกกันไม่ออกจริงๆครับ

           ที่ผ่านมาสาม-สี่วันมานี้ การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อสะสม ได้ก้าวกระโดดจริงๆ วันที่ 24 กันยายน มีทั้งหมด 8,344 คน วันที่ 25 กันยายน มีทั้งหมด 9,112 คน วันที่ 26 กันยายน มีทั้งหมด 9,991 คน ซึ่งปกติทางการเมียนมาจะออกมารายงานผลการติดเชื้อวันละสองครั้ง คือช่วงเช้าและช่วงค่ำ แต่วันที่ 26 กันยายน เขาออกมาประกาศรอบค่ำครั้งเดียวเลย ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่าง การเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 1,647 คน ในสามวัน หรือถ้าคิดเป็นเปอร์เซนต์ มากถึง 19.73% เลยทีเดียว

           ทางสภาธุรกิจไทย-เมียนมาเรามีความกังวลและห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง เราได้ประชุมกันเกือบทุกวันถึงสถานการณ์นี้ และท่านเลขานุการสภาธุรกิจไทย-เมียนมาคุณกฤษฎา ได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนนักวิจัยของทางมหาวิทยาลัยมหิดล ให้ช่วยประเมินดูว่า สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าถึงสิ้นเดือนนี้จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผลของการใช้หลักสถิติวิทยา คาดว่า ถ้าเลวร้ายที่สุดน่าจะใกล้เคียง 15,000 คน ถ้าผลออกมาว่าทางเมียนมาสามารถควบคุมได้ดี ก็จะมีผู้ติดเชื้อประมาณหมื่นกว่าคนนิดหน่อย และถ้าล่วงเลยไป 60 วัน สถานกาณ์หากเลวร้ายที่สุด หรือถ้ารัฐบาลเมียนมาไม่สามารถควบคุมอยู่ อาจจะใกล้เคียงสองแสนรายเลยทีเดียวครับ แต่ถ้าช่วยกันเอาให้อยู่ ก็ไม่น่าจะถึงสามหมื่นราย (รายละเอียดตามรูปกราฟ) น่ากลัวมากนะครับ 

ส่งความห่วงใยให้แก่เมียนมา
       

ส่งความห่วงใยให้แก่เมียนมา
 

           หากดูตามสถานการณ์เช่นนี้แล้ว เราคงต้องหันมาระวังประเทศไทยเราด้วยแล้วนะครับ ผมไม่ได้เป็นกระต่ายตื่นตูมนะครับ เพียงแต่อยากจะร้องเตือนให้พวกเราระวัง เพราะเจ้าวายร้าย COVID-19 เสมือนว่าได้มาเคาะประตูบ้านเราด้านฝั่งตะวันตกแล้ว มันไม่มาแบบเงียบๆหงอยๆนะครับ มันไม่ได้เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหมด้วย ดังนั้นหากเราไม่ระมัดระวัง มีหวังลำบากแน่ๆครับ ด้านการเฝ้าระวังภายในประเทศไทยเรา ทั้งฝ่ายความมั่นคง และกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำงานกันอย่างเข้มแข็งอยู่แล้ว แต่ถ้าหากประชาชนทั่วไปไม่ตะหนักและไม่ช่วยกันระมัดระวังด้วย ก็ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นต้องช่วยๆกันนะครับ

           ด้านการป้องกันภายนอก เราต้องช่วยกันยุยงส่งเสริมให้ประเทศเมียนมาเขาต้องเอาให้อยู่ อย่าได้เพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมให้มากจนทะลักโดยเด็ดขาด เพราะนั่นจะทำให้มีผู้ที่เกรงกลัวการระบาดของเจ้าวายร้าย COVID-19 ที่เป็นประชาชนชาวเมียนมา หนีตายข้ามมาที่ประเทศไทยเราได้ เขาไม่มีทางที่จะเลือกหนีไปฝั่งตะวันตกแน่นอน เพราะทางด้านนั้นทั้งบังคลาเทศและอินเดียก็ระบาดหนักหน่วงมากอยู่แล้ว

           ในขณะที่ประเทศไทยเราเอง การระบาดของ COVID-19 ยังไม่ได้รุนแรงเหมือนประเทศดังกล่าว ดังนั้นชาวเมียนมาที่กลัวตายก็คงต้องหนีมาทางบ้านเราแน่นอน อีกทั้งชายแดนเรากับเขามีความยาวมากกว่าสองพันสี่ร้อยกิโลเมตร การเฝ้าระวังไม่ให้เขาข้ามพรมแดนมาหาเรา เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก การเล็ดลอดเข้ามาหากเป็นคนที่มีเชื้อติดอยู่กับตัวเอง เราก็ไม่สามารถใช้แค่เครื่องวัดอุณหภูมิอย่างเดียว ก็ไม่สามารถรู้ผลได้ในวันเดียว เชื้อโรคนี้มันแฝงตัวอยู่ในร่างกายมนุษย์ได้ กว่าจะรู้ผลอาจจะสิบกว่าวันไปแล้วก็ได้ครับ ดังนั้นเราต้องช่วยกันสอดส่องดูแลกันให้ดีนะครับ

           ทางสภาธุรกิจไทย-เมียนมาเองก็เร่งทำงานหนัก และได้ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรเช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลโดยตรงของสภาธุรกิจไทย-เมียนมา และสมาคมนักธุรกิจไทยในประเทศเมียนมา (TBAM) สายการบินนกแอร์ ซี-เอ็ดกรุ๊ป หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ อัมรินทร์กรุ๊ป บริษัท EUI (Myanmar) และอีกหลายๆหน่วยงาน ได้ร่วมกันดำเนินการรวบรวมสิ่งของที่จำเป็นใช้ในการตรวจรักษา อาทิเช่น สินค้าเวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น เพื่อนำไปให้ทางกระทรวงสาธารณสุขประเทศเมียนมา โดยผ่านสถานฑูตไทยประจำประเทศเมียนมา นำไปใช้ในการปกป้องไม่ให้เจ้าวายร้าย COVID-19 ระลอกสองนี้ระบาดรุนแรงได้

           ซึ่งผมในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา จึงอยากจะขออนุญาตเป็นสพานบุญให้ท่านที่มีจิตเมตตา ที่อยากจะร่วมกับทางเราในการดำเนินการครั้งสำคัญนี้ ท่านสามารถบริจาคสิ่งของที่เป็นเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์เท่านั้น ด้วยการนำสิ่งเหล่านั้นไปให้ได้ที่ศูนย์หนังสือซี-เอ็ด และเคาน์เตอร์ของสายการบินนกแอร์ทุกสาขา หรือถ้าท่านจะบริจาคเป็นทุนทรัพย์เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ก็สามารถโอนเงินมาได้ ทางบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาไทยเบฟ ควอเตอร์ ชื่อบัญชี “มูลนิธิพัฒนาอุตสาหกรรม” เลขที่บัญชี 009-1-71583-0 และถ้าท่านต้องการใบเสร็จรับเงิน ท่านสามารถติดต่อขอรับแบบฟร์อม กูเกิลฟร์อม ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-345-1131 หรือ 02-345-1151 ในเวลาทำการนะครับ  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สถานการณ์อันย่ำแย่ในประเทศเมียนมา

ตัวเลขมหัศจรรย์

เพิ่มไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ COVID ระลอกสอง

เข้าสู่ 60 วันในการหาเสียงเลือกตั้งในเมียนมา

COVID-19 ของจริงมาแล้ว