Gen 3 พลิกโฉม ‘ตลาดสี่มุมเมือง’ สู่ฮับค้าส่งผักผลไม้อาเซียน
เจน 3 “ภัทรประสิทธิ์” เดินหน้าพลิกโฉมตลาดสี่มุมเมือง ทุ่ม 4,500 ล้านปั้นฮับค้าส่งผักผลไม้อาเซียน
นางสาวปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด ผู้บริหาร “ตลาดสี่มุมเมือง” ศูนย์กลางค้าส่งผักผลไม้ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันตลาดสี่มุมเมือง เปิดให้บริการมาเกือบ 40 ปี และเป็นศูนย์กลางค้าส่งผัก-ผลไม้ที่มีปริมาณซื้อขายผักผลไม้ 8,000 ตันต่อวัน มูลค่าการซื้อขายกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี ครอบคลุม 60% ของการบริโภคผักผลไม้ในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี และนนทบุรี รองรับผู้ซื้อกว่า 10,000 รายต่อวัน มีจำนวนผู้ขายมากถึง 3,500 รายต่อวัน พื้นที่การค้ากว่า 4,000 แผงค้า จำหน่ายผักผลไม้และของสดกว่า 1,300 ชนิด
ล่าสุดบริษัททุ่มงบกว่า 4,500 ล้านบาทในการขยายและปรับปรุงโครงการตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่บนพื้นที่กว่า 320 ไร่ เพิ่มขึ้นจากเดิม 70% เพื่อเป็นศูนย์รวมและกระจายผักผลไม้ให้กับเกษตรกร และพ่อค้าคนกลาง แบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ ตลาดผักยุคใหม่ บนพื้นที่ 143 ไร่ เป็นตลาดค้าส่งผักที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดตัวเมื่อต้นปี 2562 ซึ่งปรับปรุงตลาดให้มีความทันสมัย โดยขยายพื้นที่ขายเพิ่มขึ้น 30% ประกอบด้วย 9 ตลาด อาทิ อาคารรถผัก, ตลาดผักปรุงรส, ตลาดผักพื้นบ้าน/คัดบรรจุ, ตลาดผักต่างประเทศ เป็นต้น และ ตลาดผลไม้ยุคใหม่ บนพื้นที่ 113 ไร่ จะเปิดให้บริการปลายปีนี้ โดยขยายพื้นที่ขายเพิ่มขึ้น 45%
“วันนี้ตลาดสี่มุมเมือง กลายเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน การเป็นศูนย์รวมและกระจายผัก ผลไม้ให้กับเกษตรกร และพ่อค้าคนกลาง นำมาขายให้กับผู้ค้าปลีกในราคายุติธรรม โดยปัจจุบันมีลูกค้าหมุนเวียนเข้ามากว่า 5.5 หมื่นคนต่อวัน โดยลูกค้าหลักที่เข้ามาใช้บริการมีทั้งพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดสด, ตลาดนัด, ร้านอาหาร, โรงแรม และรถเร่อีกกว่า 1,000 คัน”
อย่างไรก็ดีตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับตลาดให้กลายเป็นฮับ หรือศูนย์กลางค้าส่งผักผลไม้ชั้นนำของอาเซียน ทั้งการพัฒนาระบบเก็บข้อมูลต่างๆ อาทิ ข้อมูลประเภทสินค้า ราคา ผู้ค้า ผู้ซื้อ, มาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า เช่น การสุ่มตรวจผัก/ผลไม้ 300 ชนิดต่อวันในห้องแล็บ ด้วยเครื่องมือที่ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข การสร้างเครือข่ายรถเร่ รอบกรุงเทพฯและปริมณฑลกว่า 1,000 คัน เป็นต้น
“จุดแข็งของตลาดสี่มุมเมืองคือ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงพ่อค้าแม่ค้าสามารถเข้ามาซื้อสินค้าเวลาใดก็ได้ โดยจะเห็นว่าช่วงเวลาขายดีที่สุดของตลาดคือ 03.00-06.00 น. ขณะเดียวกันด้วยสินค้าที่ครบถ้วนและหลากหลาย ตลอดจนการจัดแบ่งโซนอย่างเป็นระเบียบทำให้สะดวกกับเกษตรกร พ่อค้าคนกลาง ตลอดจนลูกค้าที่มาเลือกซื้อสินค้าด้วย โดยปัจจุบันสินค้าที่จำหน่ายภายในตลาดสี่มุมเมืองราว 80% เป็นผัก/ผลไม้ ส่วนที่เหลือจะมีทั้งเนื้อสัตว์ และอื่นๆ และในอนาคตตลาดมีแผนขยายพื้นที่ขายอาหารทะเลให้เพิ่มขึ้นด้วย”
นางสาวปณาลี กล่าวอีกว่า ตลาดผลไม้ยุคใหม่ จะเน้นการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ให้มีความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมตัวอาคารตลาดผลไม้ 7 ตลาดให้อยู่ภายใต้อาคารเดียวกันบนพื้นที่ 5 หมื่นตารางเมตร การใช้รถไฮโดรลิค ขนถ่ายสินค้า เพื่อรองรับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าในปริมาณมาก เพราะปัจจุบันตลาดสี่มุมเมืองเป็น “ตลาดมะม่วง” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นตลาดผลไม้ต่างประเทศที่มีสินค้าให้เลือกครบครัน มีห้องเย็นขนาดใหญ่รองรับ เพื่อให้ผลไม้สดใหม่ รองรับความต้องการผลไม้ต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ตลาดยังพัฒนาเส้นทางการเดินทางโดยมีสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณด้านหลังตลาดที่เชื่อมต่อถนนกำแพงเพชร 6 เพื่อให้รถสัญจรได้สะดวกขึ้น โดยจะเปิดให้บริการในปลายปีนี้พร้อมกับตลาดผลไม้ยุคใหม่ด้วย ทั้งนี้หลังการขยายและเพิ่มบริการต่างๆคาดว่าจะทำให้ตลาดมีรายได้เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,613 วันที่ 27 - 30 กันยายน พ.ศ. 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ตลาดสี่มุมเมือง’ ใช้ออนไลน์ รวมเครือข่ายรถเร่ ส่งสินค้าถึงบ้าน
www.คนละครึ่ง.com แจกเงิน 3,000 บาท ตลาดสด ตลาดนัด แผงลอย เตรียมรับสิทธิ์