สถานการณ์อันย่ำแย่ในประเทศเมียนมา

24 ก.ย. 2563 | 23:00 น.

คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์


          สถานการณ์ COVID-19 ระลอกสองได้เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้ทวีความรุนแรงอย่างมาก และชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ก่อนวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียงสามร้อยกว่าคน แต่ในวันที่ 23 กันยายนช่วงค่ำ สถานการณ์ในเมืองย่างกุ้งค่อนข้างจะรุนแรงมากๆ มีผู้ติดเชื้อจำนวนยอดสะสมเพื่อขึ้นมากเป็น 7,292 คน และในวันนี้วันที่ 24 กันยายนนี้ ช่วงเช้าได้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 535 คน ผมเชื่อว่าเย็นวันนี้ ทางการเมียนมาจะประกาศจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม จะต้องมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเกินกว่า 8,000 คนอย่างแน่นอน

          การระบาดของ COVID-19 ระลอกสองนี้ สร้างความตื่นตระหนกให้แก่รัฐบาลเมียนมาเป็นอย่างยิ่ง จะเห็นได้จากนโยบายล็อกดาวน์ในเมืองย่างกุ้ง ได้ประกาศออกมาเมื่อคืนวันที่ 23 กันยายนนี้ว่า วันรุ่งขึ้น 8:00 น. เป็นต้นไป ให้ประชาชนทุกคนอยู่แต่ในบ้าน ไม่ให้ออกมานอกเคหะสถานโดยเด็ดขาด เพื่อที่จะควบคุมการแพร่ระบาด ให้อยู่ในวงแคบลง ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 6 เดือนทันที และยังต้องถูกปรับเงินด้วย อย่างไรก็ตามสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ ทางการเมียนมาได้พยายามควบคุมให้อยู่ในขอบเขตจำกัดแต่เพียงเมืองย่างกุ้ง 

          ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ วันนี้ในเมืองย่างกุ้งได้เกิดการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์แล้ว และได้เริ่มใช้มาตรการระดมพล เรียกตัวบุคลากรทางการแพทย์จากรัฐต่างๆ ให้เข้ามายังเมืองย่างกุ้ง เพื่อช่วยเหลือเป็นการด่วน อีกทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ก็เริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการเช่นเดียวกัน โรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬาตูวันน่า ที่ได้สร้างขึ้นมารองรับผู้ป่วยเป็นการชั่วคราว 400 เตียง ได้ใช้อย่างที่เต็มแล้วไม่สามารถรับผู้ป่วยได้อีกแล้ว โรงพยาบาลของรัฐบาลต่างก็ใช้เต็มพิกัดเช่นเดียวกัน ทางการเมียนมาได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการใช้แฟลตที่ทางการเมียนมาได้สร้างให้แก่ผู้มีรายได้น้อยอยู่ ในเขตเมี้ยวตะโก่ง เป็นสถานกักกันและรักษาผู้ติดเชื้อต่อไป ด้านเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษาและอุปกรณ์การแพทย์ วันนี้เริ่มขาดแคลนอย่างมาก เช่นกัน

          เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ สภาธุรกิจไทย-เมียนมา มีความเป็นห่วงและกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาเกิดการระบาดหนักกระทั้งควบคุมไม่อยู่ โอกาสที่จะเล็ดลอดเข้ามายังประเทศไทยไม่ทางใดทางหนึ่ง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะการคมนาคมภายในประเทศไทยเรา มีความสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง จะมาทางรถยนต์ทั้งส่วนตัวและรถสาธารณะได้หมด ทางรถไฟและเครื่องบินก็สะดวกไปหมดเช่นกัน การตรวจตราก็ทำกันแบบสบายๆ ไทยแลนด์อยู่แล้ว ดังนั้นทางสภาธุรกิจไทย-เมียนมา จึงต้องการที่จะกำจัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการยื่นมือเข้าไปให้ความร่วมมือกับทางกระทรวงสาธารณสุขของประเทศเมียนมา ด้วยการส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์และยารักษาโรคหรือเวชภัณฑ์อื่นๆ ไปยังเมืองย่างกุ้ง ชึ่งผมได้พูดในรายการ Good Morning Asian ทางวิทยุ FM 100.5 เมื่อเช้าวันนี้

          พอจบรายการผมได้รับการติดต่อจากทางบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด(มหาชน)และนกแอร์ ทันทีเลยครับ อีกทั้งต่อมาธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพฯ และหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เพื่อร่วมด้วยช่วยกัน ในจัดหาผู้ที่มีใจอยากจะช่วยเหลือให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับประเทศเรา และช่วยเหลือในด้านการเงินและสิ่งของที่ทางรัฐบาลเมียนมาต้องการ ดังนั้นผมจึงขออนุญาตบอกบุญมายังเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ แฟนคลับทุกๆท่าน หากท่านใดที่ต้องการที่จะร่วมกับทางสภาธุกิจไทย-เมียนมา ในการทำการกุศลครั้งนี้ ท่านสามารถร่วมด้วยกับเราหลากหลายช่องทางครับ เช่น ท่านสามารถนำเอาอุปกรณ์เวชภัณฑ์ที่ท่านจะบริจาค ส่งมอบให้แก่ทางสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ผ่านมาทางร้านหนังสือซีเอ็ดทุกๆ สาขาทั่วประเทศ  

          อีกช่องทางหนึ่งท่านสามารถมอบสิ่งของเหล่านั้นให้แก่เคาน์เตอร์การสายการบินนกแอร์ได้ทุกสาขาครับ หรือท่านสามารถติดต่อตรงมาที่สภาธุรกิจไทย-เมียนมา ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เบอร์โทร 02-345-1151 หรือ 02-3451-233 ในเวลาทำการ ผมจะรีบนำส่งสินค้าล็อตแรกในเร็ววันนี้ และล็อตต่อไปจะกำหนดสิ้นสุดการรับบริจาคคือวันที่ 17 ตุลาคมนี้ เนื่องจากจะต้องส่งสิ่งของบริจาคในวันที่ 20 ตุลาคมเป็นอย่างช้า เพื่อจะได้ทันให้ประชาชนเมียนมาได้ใช้ครับ

          ผมเชื่อว่าการทำบุญบริจาคสิ่งของใดๆ ถ้าผู้รับบริจาคกำลังต้องการ และเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ จะมีความหมายมากกว่าการบริจาคที่เขาไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ บุญกุศุลก็จะบังเกิดมากขึ้นเป็นร้อยเท่าทวีคูณเลยครับ วันนี้ประเทศเมียนมาที่เป็นเพื่อนบ้านเรา กำลังประสบภัยพิบัติอย่างหนักหน่วง เราจึงควรจะแสดงความมีน้ำใจในการช่วยเหลือเขาในตอนนี้ เพราะจะเป็นที่เขาจะประทับใจเราไม่รู้ลืมครับ

          ในโอกาสนี้ ผมและกรรมการสภาธุรกิจไทย-เมียนมา และทุกองค์กรที่มาร่วมกันครั้งนี้ ขอปาวรรณาตัวเป็นสพานบุญให้แก่ทุกๆท่านที่มาร่วมการสร้างบุญสร้างกุศลในครั้งนี้ด้วยครับ ซึ่งเวลาอันวิกฤตินี้นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่งครับ กราบเรียนเชิญทุกท่านร่วมกันแสดงน้ำใจในครั้งนี้ด้วยครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตัวเลขมหัศจรรย์
เพิ่มไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ COVID ระลอกสอง
เข้าสู่ 60 วันในการหาเสียงเลือกตั้งในเมียนมา
COVID-19 ของจริงมาแล้ว
COVID-19 ระลอกสองในเมียนมา