ดาวโจนส์ ปิดร่วง 525.05 จุด กังวลมาตรการเยียวยาล่าช้า

23 ก.ย. 2563 | 23:57 น.

ดาวโจนส์ปิดร่วง 525.05 จุด นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ มาตรการเยียวยาล่าช้า

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ หลังรายงานเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน รวมทั้งความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเนื่องจากแรงขายทำกำไร

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,763.13 จุด ร่วงลง 525.05 จุด หรือ -1.92% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,632.99 จุด ลดลง 330.65 จุด หรือ -3.02% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,236.92 จุด ลดลง 78.65 จุด หรือ -2.37%

 

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยจนถึงขณะนี้ พรรครีบพับลิกันและเดโมแครตยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับขนาดและขอบข่ายของมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือคนว่างงานซึ่งได้หมดอายุลงแล้วตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันต้องการลดวงเงินช่วยเหลือคนว่างงานลงสู่ระดับ 300 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่พรรคเดโมแครตต้องการรักษาวงเงินดังกล่าวเอาไว้ที่ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์          

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.4 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 54.6 ในเดือนส.ค.

 

รายงานของไอเอชเอส มาร์กิตยังระบุด้วยว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐลดความเชื่อมั่นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
         

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันชะลอตัวลง โดยหุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 4.74% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.21% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 5.1% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ดิ่งลง 6.04%
          

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเนื่องจากคำสั่งขายทำกำไร โดยหุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 4.19% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 2.25% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 3.45% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ร่วงลง 4.13% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.29% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 4.19%
          

หุ้นเทสลา ร่วงลง 10.34% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อถ้อยแถลงของนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ในงาน "Battery Day" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แม้ว่านายมัสก์ได้ให้คำมั่นว่าจะปรับลดต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็ตาม
          

หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 8.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรที่ระดับ 95 เซนต์/หุ้นในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. ซึ่งเป็นไตรมาสแรกตามปีงบการเงินของบริษัท สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47 เซนต์/หุ้น โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายออนไลน์ถึง 82%
          

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ปรับตัวขึ้น 0.16% หลังจากบริษัทประกาศเริ่มทำการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟส 3 โดยจะมีอาสาสมัครเข้าร่วมในโครงการมากถึง 60,000 ราย ซึ่งการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ของ J&J ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่บริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นาทำการทดลองวัคซีนโดยมีอาสาสมัครเพียง 30,000 ราย
          

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ หลังจากที่ได้เข้าแถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ในสภาคองเกรสเมื่อวานนี้
          

ถ้อยแถลงของนายนายพาวเวลเมื่อวานนี้ระบุว่า เฟดและสภาคองเกรสจะต้องร่วมมือกันในการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมกับกล่าวว่า เฟดไม่มีแผนที่จะปรับเงื่อนไขการกู้เงินในโครงการ Main Street Lending Program เพื่อดึงดูดภาคธุรกิจ แม้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าภาคธุรกิจให้ความสนใจกู้เงินไม่มากนักในโครงการดังกล่าว
          

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค.