เปิดศูนย์ดูแล-แก้ไขปัญหาการเลิกจ้างจากพิษโควิด19

23 ก.ย. 2563 | 18:00 น.

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเปิด“ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างจากสถานการณ์โรคโควิด19” หวังเป็นตัวกลางคอยช่วยเหลือนายจ้าง-ลูกจ้างได้เข้าถึงสิทธิตามกฎหมาย

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจทั้งในด้านการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย แต่รายได้ลดลง ทำให้ผลประกอบการขาดความสมดุล และหนทางในการแก้ปัญหาของสถานประกอบกิจการ คือการเลิกจ้างพนักงาน


จากการเก็บข้อมูลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ตั้งแต่ ตุลาคม 2562 - กันยายน 2563 มีลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างและมายื่นคำร้องกับพนักงานตรวจแรงงานจากสถานประกอบกิจการ 1,425 แห่ง จำนวน 22,634 คน 


นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ดำเนินการให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์แล้วรวมทั้งสิ้น จำนวน 376,997,561 บาท ดังนั้นเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเทศไทย โดยเฉพาะการเร่งฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โรคโควิด 19 ให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วกรมจึงจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างจากสถานการณ์โรคโควิด 19(Prevention and Problem Solving on Termination of Employment Operation Center) หรือเรียกโดยย่อว่า ศปลค. (PSTC) 
 

สำหรับศูนย์ฯดังกล่าวมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ กองคุ้มครองแรงงาน ชั้น 10 กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน โดยศูนย์ฯนี้ถือเป็นกลไกหนึ่งในการทำงานเชิงรุก ที่จะคอยเฝ้าระวังและติดตามรายงานสถานการณ์การเลิกจ้าง การให้คำปรึกษา และช่วยเหลือ ตลอดจนการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภายใน และหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐ และเอกชน อันจะส่งผลให้ลูกจ้างเข้าถึงสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายมากยิ่งขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

 

กสร. เปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างจากสถานการณ์โรคโควิด 19

 

"ศปลค. (PSTC) จะทำหน้าที่ในการติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์การเลิกจ้าง ตลอดจนประสานงานด้านการข่าว รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องมากำหนดเป็นแนวทางแก้ไขหากสถานการณ์ยังไม่ยุติ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษา แนะนำในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเลิกจ้างแก่หน่วยปฏิบัติ หรือสถานประกอบกิจการ ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และเครือข่ายภาคประชาสังคมในการให้ความช่วยเหลือนายจ้างและลูกจ้างต่อไป "