เผยผลศึกษาFTA ไทย-อียู ดันจีดีพีไทยโตเพิ่ม 1.28%

22 ก.ย. 2563 | 12:08 น.

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยผลศึกษาการฟื้นเจรจาทำ FTA ไทย-อียู ช่วยจีดีพีไทยขยายตัว 1.28% คิดเป็นมูลค่า 2.05 แสนล้านบาท เผยสินค้ากลุ่มยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า สิ่งทอ อาหาร เคมีภัณฑ์ ยางและพลาสติก มีโอกาสส่งออกเพิ่ม แถมแข่งขันกับสิงคโปร์และเวียดนามได้ดีขึ้น แต่ต้องปรับตัว พัฒนาคุณภาพ มาตรฐานให้ทัดเทียมอียู ด้านภาคประชาสังคม ห่วงประเด็นยา พันธุ์พืชใหม่

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยในการเข้าร่วมการจัดสัมมนาระดมความเห็น เรื่อง “ไทยพร้อมหรือยังที่จะฟื้นการเจรจา FTA ไทย-EU?” ว่า สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) ได้นำเสนอผลการศึกษาวิจัยประโยชน์และผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับไทย จากการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (อียู) 27 ประเทศ ไม่นับรวมสหราชอาณาจักร โดยพบว่า การลดภาษีนำเข้าสินค้าทุกรายการทั้งของไทยและอียูในระยะยาวจะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวได้ถึง 1.28% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.05 แสนล้านบาท โดยคาดว่าการส่งออกจากไทยไปอียูจะเพิ่มขึ้น 2.83% หรือ 2.16 แสนล้านบาท และการนำเข้าจากอียูเพิ่มขึ้น 2.81% หรือ 2.09 แสนล้านบาท โดยสินค้าส่งออกของไทยมีโอกาสขยายตัว เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์อาหาร เคมีภัณฑ์ ยาง และพลาสติก เป็นต้น

          เผยผลศึกษาFTA ไทย-อียู ดันจีดีพีไทยโตเพิ่ม 1.28%
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการสัมมนา เห็นว่า การฟื้นการเจรจา FTA กับอียู จะช่วยขยายตลาดการค้าและการลงทุนของไทย สร้างแต้มต่อทางภาษี และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสินค้าไทยกับสินค้าส่งออกจากประเทศที่มี FTA กับอียู เช่น สิงคโปร์และเวียดนาม แต่ไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมปรับตัว เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น และพัฒนามาตรฐานและคุณภาพการผลิตสินค้าไทยให้ทัดเทียมกับมาตรฐานของสินค้าในตลาดอียู

 

ส่วนภาคประชาสังคม ยังคงห่วงใยในเรื่องการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงยาและการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ไทยต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อแก้ไขข้อห่วงกังวลและต้องเตรียมการเจรจาอย่างรัดกุม

เผยผลศึกษาFTA ไทย-อียู ดันจีดีพีไทยโตเพิ่ม 1.28%
“กรมฯ จะนำผลการศึกษา และผลการรับฟังความเห็น ทั้งที่เห็นสอดคล้องสนับสนุนให้เปิดการเจรจา FTA ไทย-อียู และข้อกังวลทั้งหมด พร้อมทั้งมาตรการการเยียวยา เสนอให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาภายในกลางเดือนต.ค.2563 เพื่อดูว่ามีข้อมูลมากเพียงพอหรือไม่ที่จะตัดสินใจ และจากนั้นจะเสนอไปที่คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) และนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะทราบว่าไทยจะพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับทางอียูหรือไม่”นางอรมนกล่าว  
         
 

อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้ใช้โอกาสนี้ ชี้แจงแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ที่ได้รับผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

เผยผลศึกษาFTA ไทย-อียู ดันจีดีพีไทยโตเพิ่ม 1.28%
        ในปี 2562 การค้าไทย-อียู มีมูลค่า 38,227.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 7.92% ของการค้าไทยกับโลก เป็นการส่งออกของไทยไปอียู มูลค่า 19,735.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง และไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 18,492.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ส่วนในช่วงครึ่งปี 2563 (ม.ค.–มิ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 16,233.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออก 8,506.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 7,727.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ