“กฟผ.” พร้อมสละโบนัส 2 ปีช่วยประชาชน

22 ก.ย. 2563 | 09:30 น.

"กฟผ." เตรียมศึกษาแผนลดต้นทุนค่าไฟฟ้าช่วยประชาชน ทั้งการปลดโรงไฟฟ้าเก่าออกจากระบบ และไม่รับ "โบนัส" 2 ปี

นายกุลิศ​  สมบัติ​ศิริ​ ปลัด​กระทรวงพลังงาน​ และประธานคณะกรรมการ​การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)​เปิดเผยว่า​ ได้สั่งการให้​ กฟผ.​ศึกษาแผนลดต้นทุนค่าไฟฟ้า​เพื่อร่วมลดผลกระทบค่าครองชีพ​ประชาชนที่ได้รับจากโควิด-19  ตามนโยบายของนายสุพัฒนพงษ์​ พันธ์​มีเชาว์​ รอง​นายกรัฐมนตรี​ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน​ เช่น การเร่งขายไฟฟ้าไปประเทศเพื่อนบ้าน  การปลดโรงไฟฟ้าเก่าประสิทธิภาพต่ำออกจากระบบ ​ โดยจะพยายามไม่ให้เกิดผลกระทบพนักงาน​

 

“โดยที่ผ่านมา​ กฟผ.ได้ให้ความร่วมมือ​กับภาครัฐมาด้วยดีตลอดไม่ว่าจะเป็นการบริจาคการพัฒนาอุปกรณ์​ป้องกันโควิด-19  แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ​ การจ้างงาน​ การสร้างรายได้แก่ชุมชน”

“กฟผ.” พร้อมสละโบนัส 2 ปีช่วยประชาชน

ทั้งนี้ จะทบทวนผลตอบแทนรายได้ของ 3 การไฟฟ้า  โดยเปลี่ยนจากการใช้อัตราส่วนผลตอบแทนการลงทุนเพื่อการดำเนินงาน (ROIC) ที่ปัจจุบันกำหนดอัตราอยู่ที่กว่า 5% กลับไปใช้ อัตราส่วนการลงทุนจากเงินรายได้ (Self-Financial Ratio: SFR) หรือไม่นั้นคงต้องดูความเหมาะสมต่อไป โดยเฉพาะจะกระทบต่อการลงทุนในอนาคตหรือไม่

นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษก กฟผ. กล่าวว่า​ กฟผ.ในฐานะรัฐวิสาหกิจ​ที่ร่วมดูแลสังคม​ และความมั่นคงของประเทศ​ ก็พร้อมจะเสียสละ​ เมื่อประชาชนเดือดร้อนจากโควิด-19​   

 

โดยต้องดูทุกด้านควบคู่กันไป​ เมื่อรัฐให้ลดผลตอบแทนการลงทุน​ ที่ตามข้อ ROIC  ปัจจุบัน​กำหนดว่า​ กฟผ.จะต้องมีกำไรกว่า 5% ของโครงการลงทุน​  เพื่อนำเงินกำไรในส่วนนี้เป็นเงินเตรียมลงทุนด้านสายส่งและโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคตที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท​ ภายใต้ข้อกำหนดต้องใช้เงินทุน ​40% เงินกู้ไม่เกิน 60% หากรื้อ ROIC ในส่วนนี้ ก็จะต้องดูว่าจะกระทบและควรปรับเกณฑ์เงินกู้หรือไม่อย่างไรในอนาคต  เพื่อให้ลงทุนได้ตามแผน ​หรือจะปรับเป็นSFRก็ต้องหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ต่อไป

อย่างไรก็ดี ต้องดูนโยบายจากกระทรวงการคลังด้วยว่า เม็ดเงินอัตราผลตอบแทนส่งคืนรัฐที่ผ่านเรียก 35-45% ของกำไรสุทธิ จะเรียกเพิ่มหรือไม่ และหากปรับวงเงินผลตอบแทนจะกระทบในส่วนนี้หรือไม่  โดยในเบื้องต้นก็พิจารณาว่า กฟผ.จะร่วมเสียสละ ไม่รับโบนัสประมาณ 2 ปี จากผลประกอบการปี 2563-2564 เพื่อภาครัฐจะได้มีวงเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือประชาชน  

 

ส่วนเรื่องสำรองไฟฟ้าที่สูง 40% หากลดต้นทุน กฟผ.ก็จะพิจารณาว่าภาพรวมคงจะเสนอให้ปลดระวางโรงไฟฟ้าที่ใกล้หมดอายุสัญญา ซื้อขาย (PPA) ทั้ง ของ กฟผ. และภาคเอกชน โดยปลดล่วงหน้า 3 ปี  ซึ่งก็จะทำให้สำรองไฟฟ้าด้วยรวมลดลง และเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำลง