สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 18 กันยายน 2563
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดคาดกำลังการผลิตน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (OPEC+) เผยว่าจะกดดันอิรัก ไนจีเรียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้ปรับลดการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติม เพื่อชดเชยการผลิตน้ำมันดิบกว่า 2.38 ล้านบาร์เรลที่สูงกว่าข้อตกลงในเดือน พ.ค.-ก.ค. 63 และขยายระยะเวลาการชดเชยจาก ก.ย. 63 ไปจนถึง ธ.ค. 63
- สหรัฐฯ เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตที่แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในบริเวณอ่าวเม็กซิโก หลังพายุเฮอริเคนซัลลี่เคลื่อนที่ผ่านไป ซึ่งแท่นขุดเจาะบริเวณอ่าวเม็กซิโกได้หยุดดำเนินการผลิตน้ำมันดิบไป 5 วัน โดยมีกำลังการผลิตราว 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดัน จากความต้องการใช้น้ำมันที่อ่อนตัวจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันเบนซินจากอินโดนีเซียและคูเวตที่เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับปัจจัยกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังของสหรัฐฯ และสิงคโปร์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากที่ประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 40.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 1.08 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 43.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดาวโจนส์ ปิดร่วง 130.40 จุด จากแรงขายหุ้นเทคโนฯ-การเงิน
ราคาทองร่วงหนักหลุด 1,950 ดอลลาร์ นักลงทุนผิดหวังผลประชุมเฟด