ดาวโจนส์ ปิดร่วง 130.40 จุด จากแรงขายหุ้นเทคโนฯ-การเงิน

18 ก.ย. 2563 | 00:12 น.

ดาวโจนส์ ปิดร่วง 130.40 จุด รับปัจจัยลบจากคำสั่งขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) โดยได้รับปัจจัยลบจากคำสั่งขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐ

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,901.98 จุด ลดลง 130.40 จุด หรือ -0.47% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,910.28 จุด ลดลง 140.19 จุด หรือ -1.27% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,357.01 จุด ลดลง 28.48 จุด หรือ -0.84%

 

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ลองโบว์ แอสเซท แมเนจเมนท์ ในรัฐโอกลาโฮมา กล่าวว่า นักลงทุนยังคงเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนมองว่า การที่คณะกรรมการเฟดส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนานถึง 3 ปีนั้น สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเฟดมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะเป็นผลดีต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดก็ตาม          

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่นายพาวเวลได้แสดงความกังวลว่า ทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่อัตราว่างงานก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก เมื่อพิจารณาจากอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน (labor force participation) ที่ปรับตัวลดลง

 

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ฉุดตลาดร่วงลง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 860,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 875,000 ราย แต่นักลงทุนมองว่าจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังอยู่ในระดับที่สูง

 

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 5.1% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 1.416 ล้านยูนิต หลังจากพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.478 ล้านยูนิต จากระดับ 1.492 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.

 

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ถูกเทขายอย่างหนักเมื่อคืนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 3.3% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.6% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ร่วงลง 2.25% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ ร่วงลง 2.82% หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 1.66%

 

หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 2.9% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวลง 1.2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.76% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 1.05% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลง 1.06%          

หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) พุ่งขึ้น 4.4% หลังจากนายแลร์รี คัล์ป ซีอีโอของจีอีได้แสดงความเชื่อมั่นว่า กระแสเงินสดหมุนเวียนของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 3.7% หลังมีรายงานว่าฟอร์ดเริ่มดำเนินการผลิตรถยนต์ F-150 ซึ่งเป็นรถปิคอัพรุ่นใหม่ ในโรงงานที่รัฐมิชิแกน

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board