ใครว่า “โควิด”ไม่ชอบเด็ก เยาวชนอเมริกันติดเชื้อแล้วกว่าครึ่งล้านคน

16 ก.ย. 2563 | 07:23 น.

สถิติจากสหรัฐอเมริกาชี้ว่า จนถึงขณะนี้มีเด็กในสหรัฐฯ เกือบ 550,000 คน ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19”

 

รายงานใหม่จากสถาบันกุมารเวชศาสตร์อเมริกัน (American Academy of Pediatrics) และสมาคมโรงพยาบาลเด็ก (Children’s Hospital Association) ของสหรัฐฯ ระบุว่า เด็กในสหรัฐฯ เกือบ 550,000 คน ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” นับตั้งแต่เริ่มเกิดโรคระบาดใหญ่ โดยรายงานระบุว่าตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. จนถึงวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา สหรัฐฯ พบผู้ป่วยเด็กรายใหม่รวม 72,993 ราย ซึ่งคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 15% ของจำนวนผู้ป่วยเด็กในช่วงสองสัปดาห์

 

ปัจจุบันสหรัฐฯ มีรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 วัยเด็กรวม 549,432 ราย ซึ่งคิดเป็น 10% ของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทั้งหมดภายในประเทศ และคิดเป็นอัตราติดเชื้อ 729 คนต่อเด็กทุก ๆ 100,000 คน

ภาพจากแฟ้มข่าวซินหัว

ทั้งนี้ เด็กครองสัดส่วน 0.6-3.6% ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั้งหมด และคิดเป็นสัดส่วน 0-0.3% ของผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ทั้งหมด

“แม้จะพบอาการป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19 ในเด็กได้ยากในขณะนี้ แต่สหรัฐฯ ควรเดินหน้าจัดทำรายงานอย่างละเอียดเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 การตรวจโรค การรักษา และการเสียชีวิต โดยจำแนกตามอายุและชาติพันธุ์ เพื่อบันทึกและสังเกตการณ์ผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่มีต่อสุขภาพของเด็ก” รายงานระบุ

ใครว่า “โควิด”ไม่ชอบเด็ก เยาวชนอเมริกันติดเชื้อแล้วกว่าครึ่งล้านคน

ก่อนหน้านี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (9 ก.ย.) หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ สื่อท้องถิ่นของสหรัฐ รายงานว่าจำนวนเด็กที่มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก (ซึ่งหมายถึงติดเชื้อโควิด) ในรัฐฟลอริดาเพิ่มขึ้น 34% นับตั้งแต่โรงเรียนต่างๆ ทั่วรัฐแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ  เริ่มเปิดการเรียนการสอนในห้องเรียนตามปกติเมื่อเดือนส.ค.

 

รายงานอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของฟลอริดาระบุว่าเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีจำนวน 10,513 รายมีผลทดสอบโรคเป็นบวก นับตั้งแต่โรงเรียนในรัฐเริ่มกลับมาเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งในช่วงต้นเดือนส.ค. ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 34% ทั้งนี้ ยังไม่ทราบข้อมูลชัดเจนว่า เด็กเหล่านี้เป็นเด็กที่เดินทางไปโรงเรียนหรือเรียนทางไกลจากที่บ้านในจำนวนเท่าใด

รายงานระบุว่าที่ผ่านมาโรงเรียนหลายแห่งและห้องเรียนหลายสิบแห่งในฟลอริดาถูกปิดชั่วคราวเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ผู้ปกครองในหลายพื้นที่ของรัฐไม่ทราบว่าโรงเรียนของบุตรหลานตนเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดหรือไม่ เนื่องจากรัฐสั่งการให้เทศมณฑลบางแห่งเก็บข้อมูลด้านสุขภาพเป็นความลับ นอกจากนี้ รัฐยังปล่อยให้เขตการปกครองต่างๆ ตัดสินใจเองว่านักเรียนและเจ้าหน้าที่ควรสวมหน้ากากหรือไม่ ซึ่งบางแห่งก็ต้องการ แต่หลายแห่งไม่ต้องการ

 

รอน เดซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาจากพรรครีพับลิกันกระตือรือร้นที่จะผลักดันให้โรงเรียนต่างๆ กลับมาเปิดการเรียนการสอนในห้องเรียน เขตการศึกษาของฟลอริดาจึงเริ่มเปิดทำการในต้นเดือนส.ค. และในช่วงกลางเดือนโรงเรียนรัฐครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 4,500 แห่งได้เปิดให้นักเรียนเข้ามาเรียนในโรงเรียน

 

ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ ตลอดจนองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าอัตราการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในท้องถิ่นที่ “ปลอดภัยสำหรับการเปิดโรงเรียนอีกครั้ง” คือต่ำกว่า 5% แต่อัตราการติดเชื้อโดยรวมของเด็กในฟลอริดาอยู่ที่ 14.5%  จึงเห็นได้ชัดว่า โรงเรียนกำลังเปิดการเรียนการสอนท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่อยู่ในเกณฑ์น่าเป็นห่วง

 

เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า ถึงแม้ในบรรดาผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกทั้งหมด จะมีผู้ที่อายุน้อยกว่า 20 ปีคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 10% และในจำนวนผู้ป่วยโควิดที่เสียชีวิตทั้งหมด ก็เป็นผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีไม่ถึง 0.2%  แต่ถึงกระนั้น ก็ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเกิดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น

 

“เราทราบดีว่า ไวรัสชนิดนี้สามารถคร่าชีวิตเด็กได้ แต่พวกเขามักมีการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง นอกจากนั้น จำนวนผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่นที่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ก็ยังมีน้อยมากอีกด้วย” นายทีโดรสกล่าวระหว่างการแถลงข่าว

 

อย่างไรก็ดี ผลกระทบด้านสุขภาพระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ทีโดรสย้ำเตือนว่าแม้ประชากรเด็กส่วนใหญ่อาจรอดพ้นจากผลกระทบด้านสุขภาพขั้นรุนแรงที่สุดของโรคโควิด-19 แต่พวกเขาก็ได้รับผลกระทบในแง่อื่นแทน ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างในหลายประเทศ ซึ่งบริการด้านโภชนาการและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่จำเป็นได้หยุดชะงัก และมีเด็กหลายล้านคนต้องหยุดเรียนนานหลายเดือน

 

ขณะเดียวกันสืบเนื่องจากหลายประเทศได้กลับมาเปิดโรงเรียนอีกครั้ง ทีโดรสเรียกร้องรัฐบาล ครอบครัว รวมถึงทุกคนในชุมชน ช่วยกันดูแลปกป้องเด็กให้ปลอดภัยด้วยการบังคับใช้มาตรการร่วมกันอย่างเหมาะสม ส่วนในประเทศที่โรงเรียนยังคงปิดอยู่ ก็ควรมีการรับประกันความต่อเนื่องของการศึกษาผ่านการเรียนทางไกลด้วย

 

ที่มา สำนักข่าวซินหัว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

WHO แจงสถิติผู้ติดโควิด-19 ทั่วโลกต่อวันสูงถึง 3 แสนราย

"หมอธีระ"ชี้โควิด-19 อีก 2 วัน ยอดติดเชื้อรวม "เมียนมา"จะแซง"ไทย"

"หมอยง"ชี้วัคซีนโควิด-19 รู้ผลสิ้นปีนี้ ก็เร็วกว่าปกติเป็น 10 เท่า