แสนสิริ ส่งเสริมเติมความรู้สังคมแยกขยะ

14 ก.ย. 2563 | 06:37 น.

แสนสิริ เดินหน้าผลักดันสังคมแยกขยะ ลดปริมาณของเสียสู่ชุมชน ผสานมือ โคคา-โคลา ลุยต่อโปรเจกต์ “โค้กขอคืน x Sansiri Waste to Worth”

แสนสิริ วางเป้ารุกภารกิจด้าน Waste Management (การจัดการของเสีย) ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของวิสัยทัศน์ Sansiri Sustainability 2020 ผลักดันการจัดการขยะอย่างยั่งยืนให้ครอบคลุมทั้งในโครงการที่อยู่อาศัย องค์กรและไซต์ก่อสร้าง ส่งเสริมการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางทั้งกับลูกบ้าน พนักงาน ตลอดจนพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อลดปริมาณวัสดุรีไซเคิล ไปสู่บ่อขยะ ให้น้อยที่สุด

ล่าสุด จับมือกับกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด ทำโครงการ “โค้กขอคืน x Sansiri Waste to Worth” ร่วมกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ในเครือแสนสิริ เก็บรวบรวมและนำส่งบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม และวัสดุรีไซเคิลอื่น ๆ ใน 6 โครงการที่อยู่อาศัยของ T77 Community เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล

แสนสิริ ส่งเสริมเติมความรู้สังคมแยกขยะ

"อภิชาติ จูตระกูล" ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยถึงแนวคิดการจัดการของเสีย Sansiri Waste to Worth ว่า ขยะเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศไทยและของโลกที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เราจึงถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องช่วยกันรณรงค์ปลูกฝังพฤติกรรมและสร้างห่วงโซ่ของการจัดการระบบกำจัดของเสียให้เกิดขึ้น โดยการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางนั้นเป็นทางแก้ปัญหาขยะล้นเมืองที่ดีที่สุด เริ่มตั้งแต่จุดเล็ก ๆ อย่างขยะในที่อยู่อาศัย ที่ทุกบ้านสามารถช่วยกันลดขยะได้ ด้วยการเปลี่ยนขยะให้เป็นประโยชน์ (Sansiri Waste to Worth) คัดแยกวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ ส่งเข้าสู่กระบวนการจัดการที่ถูกวิธี
 

จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ประเทศไทยมีขยะประมาณ 27 ล้านตันต่อปี เฉลี่ยคนไทยสร้างขยะประมาณ 1 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน ซึ่ง 80% เป็นขยะที่นำไปกำจัดแบบไม่ถูกวิธี โดยระบุว่าขยะชุมชนนั้นกว่า 64% เป็นขยะอินทรีย์ และที่เหลืออีก 36% เป็นขยะรีไซเคิล 30% ขยะทั่วไปและขยะอันตรายอีก 6% 1

 “โค้กขอคืน x Sansiri Waste to Worth” เริ่มต้นเมื่อปลายปี 2562 เป็นการต่อยอดโครงการ “โค้กขอคืน”  ซึ่งเป็นความร่วมมือที่ต่อยอดมาจากผลการทดลองทางเศรษฐศาสตร์เพื่อสร้างพฤติกรรมการแยกขยะ ด้วยแนวคิดการสะกิด อันเป็นความร่วมมือระหว่างโคคา-โคล่า แสนสิริ และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งพบ 2 เงื่อนไขสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้คนไทยแยกขยะได้สำเร็จคือ การขจัด “ความยุ่ง” และ “ความยาก” โดยได้นำผลการศึกษาดังกล่าวมาปรับใช้ในออกแบบถังขยะที่เอื้อต่อการแยก และการสื่อสารกับลูกบ้านในโครงการ T77 Community ให้เห็นถึงความสำคัญ และวิธีการที่เหมาะสมในการแยกขยะ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และกระตุ้นให้เกิดการลงมือปฏิบัติจริงในระยะยาว

แสนสิริ ส่งเสริมเติมความรู้สังคมแยกขยะ

"พรวุฒิ สารสิน" ประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า หนึ่งในเป้าหมายหลักของโคคา-โคล่า ภายใต้วิสัยทัศน์ระดับโลก World Without Waste คือการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์เพื่อนำกลับมารีไซเคิลในปริมาณเทียบเท่ากับปริมาณบรรจุภัณฑ์ที่จำหน่ายออกสู่ตลาดให้ได้ 100% ก่อน พ.ศ.2573 และเพื่อจะบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายดังกล่าว กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า จึงต้องอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีเป้าหมายสอดคล้องกัน และแสนสิริก็ถือเป็นพันธมิตรที่เห็นความสำคัญของการร่วมกันผลักดันให้เกิดการแยกขยะที่ต้นทาง ตั้งแต่ภายในที่อยู่อาศัย อันเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดปริมาณขยะ และนำวัสดุที่รีไซเคิลได้กลับมารีไซเคิลให้ได้มากที่สุด และเพื่อเป็นการลด “ความยุ่ง” และ “ความยาก” อันเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การแยกขยะที่ต้นทางไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร โคคา-โคล่า จึงได้เชิญสตาร์ตอัพแพลตฟอร์มการจัดเก็บขยะสมัยใหม่อย่าง GEPP เข้ามาช่วยดูแล เพื่อให้โครงการนี้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและประสบผลสำเร็จ

จากผลสำรวจของ GEPP พบว่ามีทัศนคติที่ดีในเรื่องการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยคิดว่าการแยกขยะจะช่วยแก้ปัญหาได้ และควรเริ่มที่ตัวเองเป็นหลัก ขณะที่การแยกวัสดุรีไซเคิลออกจากขยะประเภทอื่น ๆ นั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบจากก่อนเริ่มโครงการฯ

แสนสิริ ส่งเสริมเติมความรู้สังคมแยกขยะ

“ตั้งแต่ต้นปี 2563 เราเก็บรวบรวมและนำส่งบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม และวัสดุรีไซเคิลอื่น ๆ ใน 6 โครงการที่อยู่อาศัยของ T77 Community ได้แก่ BLOCS 77, THE BASE Sukhumvit 77, THE BASE PARK EAST Sukhumvit 77, THE BASE PARK WEST Sukhumvit 77, mori HAUS และ hasu HAUS รวมลูกบ้าน 4,027 ครัวเรือน เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดยมี GEPP เข้ามาเสริมการทำงานของแสนสิริ เพื่อให้ความรู้กับพนักงานและเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการและแยกขยะ ตลอดจนประสานงานและจัดตารางการจัดเก็บขยะ พร้อมเก็บรวบรวมข้อมูลการคัดแยกขยะในแต่ละพื้นที่โครงการ เพื่อพัฒนาการจัดเก็บให้เป็นระบบมากขึ้น” นายอภิชาติ กล่าวเสริม

ช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนนั้น แสนสิริสามารถนำส่งวัสดุรีไซเคิลเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลไปแล้วถึง 23,852.60 กิโลกรัม และสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 17,917 kgCO2e 2 ทั้งนี้ แสนสิริเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จนี้ไปยังโครงการที่อยู่อาศัยอื่น ๆ รวม 100 โครงการ และตั้งเป้านำวัสดุรีไซเคิล 100,000 กิโลกรัม เข้าสู่กระบวนการจัดการรีไซเคิล อย่างเหมาะสมภายในปี 2563

 ขยะไม่ใช่ปัญหาของใครคนหนึ่งแต่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรับรู้ และจับมือกันร่วมแก้ไข ซึ่งต้องทำอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องจริงจัง จึงจะเห็นผลสำเร็จ ทั้งนี้ แสนสิริไม่เพียงแค่ให้ความสำคัญกับ Waste Journey ในที่อยู่อาศัย แต่ยังครอบคลุมไปถึงใน Siri Campus ออฟฟิศของแสนสิริและไซต์ก่อสร้าง เพราะการจัดการขยะและรีไซเคิลอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน เพื่อลดปริมาณขยะไปสู่ Landfill หรือบ่อขยะ ให้น้อยที่สุดเป็นความตั้งใจสูงสุดด้าน Waste Management ของแสนสิริในปีนี้