ซิตี้ ประเทศไทย เผยโควิด-19 ส่งผล ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิต รวมลดลง แต่พบว่า ยอดใช้ บริการออนไลน์ เพิ่มขึ้น ทั้งสั่งอาหารเดลิเวอรี่ เพิ่ม 51% ชอปปิ้งออนไลน์ เพิ่ม 99% รวมถึงการใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพและประกันเพิ่มสูงขึ้นถึง 170%
นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคาร ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในไทย ทำให้ประเทศมีการ ล็อคดาวน์ ส่งผลให้ยอดใช้บัตรเครดิตซิตี้ลดลงในเดือนเมษายนถึง เดือนพฤษภาคม แต่หลังจากที่ภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ยอดใช้บัตรเครดิตก็กลับมาเพิ่มสูงขึ้นและเริ่มเติบโตอีกครั้ง
นอกจากนี้ในช่วงล็อคดาวน์ ซิตี้พบว่า ยอดใช้บัตรเครดิตสำหรับสินค้าและบริการออนไลน์มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ที่เติบโตขึ้น 51% หรือการช็อปปิ้ง ออนไลน์ เพิ่มขึ้น 99% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งซิตี้ได้
ส่วนยอดการจับจ่ายใช้สอยสิ่งของจำเป็น เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตพบมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่งดการเดินทางออกไปสถานที่สาธารณะ ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลง และมีความจำเป็นในการทำอาหารรับประทานกันเอง
ขณะที่ด้านยอดใช้จ่ายในหมวดหมู่ที่เกี่ยวกับสุขภาพหรือประกันก็มีการเติบโตที่สูงขึ้น 170% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนยอดใช้จ่ายในหมวดหมู่ที่เกี่ยวกับการเดินทาง สายการบิน และโรงแรม โดยเฉพาะยอดใช้จ่ายในต่างประเทศนั้นได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 จนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งซิตี้ได้ปรับกลยุทธ์ โดยมุ่งเน้นไปที่โปรโมชั่น และสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความต้องการสินเชื่อที่มากขึ้น รวมถึงต้องการแบ่งเบาภาระการชำระเงินในแต่ละเดือน ซิตี้จึงได้อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตซิตี้ และบัญชีซิตี้ เรดดี้เครดิต สามารถขอสินเชื่อเพิ่มเติมภายใต้วงเงินสินเชื่อที่มีอยู่ รวมถึงเลือกผ่อนชำระยอดหนี้ที่มีอยู่ให้เป็นยอดผ่อนชำระแบบรายเดือนได้ โดยลูกค้าสามารถสมัครรับบริการผ่านทางซิตี้ โมบายล์ แอปพลิเคชัน โดยไม่ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม
“เรายังมีมาตรการช่วยเหลือด้านการชำระเงินสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19ตั้ งแต่เดือนเมษายน เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นการพักชำระหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อบุคคล การยืดระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อ ตลอดจนลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกค้า ซึ่งมีลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือจากซิตี้แล้วเป็นจำนวนมาก”
อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบว่า จำนวนลูกค้าที่หันมาใช้บริการดิจิทัล แบงก์กิ้ง เติบโตสูงขึ้นมาก คิดเป็น 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยฟีเจอร์ที่ลูกค้าใช้บริการมากที่สุดคือ ดูรายละเอียดยอดใช้จ่ายบัตรเครดิต หรือสินเชื่อ การดูใบแจ้งยอดบัญชีผ่านทางซิตี้ โมบายล์ แอปพลิเคชัน
อีกทั้งการรณรงค์ละเว้นการสัมผัสเพื่อเลี่ยงการติดเชื้อไวรัส ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่า ลูกค้าจำนวนมากหันมาใช้บริการชำระเงินผ่านทางโมบายล์ แอปพลิเคชันของธนาคารต่าง ๆ แทนการไปชำระเงินตามช่องทางการชำระเงินต่างๆ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในช่วงระยะเวลาเพียง 2 เดือน ซึ่งซิตี้มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์ หรือรูปแบบการบริการใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค
ขณะที่บริการด้านบริหารความมั่งคั่ง ซิตี้โกลด์ (Citigold) และ ซิตี้ ไพรออริตี้ (Citi Priority)ได้ปรับกลยุทธ์ในการให้บริการลูกค้า จากปกติที่เจ้าหน้าที่จะนัดหมายพบปะพูดคุยและให้บริการลูกค้าโดยเจอหน้ากัน แต่เมื่อเกิดการล็อคดาวน์ ทำให้สาขาของซิตี้ปิดให้บริการชั่วคราว จึงสร้างรูปแบบและช่องทางการประสานงานติดต่อลูกค้า โดยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมผ่านทางโทรศัพท์ รวมถึงทำการอนุมัติรายการผ่านทางซิตี้ โมบายล์ แอปพลิเคชัน แทนการเซ็นเอกสาร ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตเป็น “สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ”
SCC เนื้อหอมต่างชาติรุมซื้อคึกคัก