จะดีแค่ไหน ถ้าเรามีช่วงชีวิตหนึ่งที่ได้หยุดพักจากความเหนื่อยล้า

13 ก.ย. 2563 | 03:40 น.

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกับ Money DIY 4.0 คอลัมน์ดีๆ ที่จะช่วยแนะนำเรื่องการวางแผนทางการเงิน คนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น หรือ ผู้ใหญ่ ต่างก็วาดฝันชีวิตตัวเองไว้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นชีวิตที่ประสบความสำเร็จในการงาน ชีวิตคู่ หรือแม้กระทั่งการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่เรามั่นใจว่า จะต้องมีฝันหนึ่งที่คนส่วนใหญ่วาดไว้ คือ “การใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณอย่างมีความสุข”

การใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้ในแต่ละวันนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ลองคิดดูว่า ถ้าต้องทนทำงานในสภาพแวดล้อมที่จำเจเป็นเวลา 5 ปี รวมทั้งสิ้น 1,825 วัน หากคุณคือคนที่มีวันหยุดทำงานแค่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น ถือได้ว่าในระหว่าง 5 ปีนี้ คุณมีเวลาให้ตัวเองเพียง 480 วัน ไม่ถึง 1 ใน 3 ของวันทั้งหมดด้วยซํ้า

ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านต้องเคยมีความคิดที่อยากจะหยุดพักจากความเหนื่อยล้า ซึ่งแน่นอนว่า ไม่สามารถทำได้ในทันที เพราะต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่ แต่หากว่า เราเกษียณแล้วล่ะ เราจะมีชีวิตหลังเกษียณที่มีความสุขได้อย่างไร ต่อไปนี้ผมจะขอแนะนำปัจจัยที่คุณต้องคำนึง เพื่อให้ชีวิตมีความสุขหลังวัยเกษียณ

จะดีแค่ไหน ถ้าเรามีช่วงชีวิตหนึ่งที่ได้หยุดพักจากความเหนื่อยล้า

 

ปัจจัยที่ 1 ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

แต่ละคนอาจวางแผนเกี่ยวกับชีวิตหลังเกษียณไว้ไม่เหมือนกัน เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตจะต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เขาต้องจ่ายเพื่อแลกกับความสุขเหล่านั้นก็คือ “เงิน” ทุกคนควรรู้ไว้อย่างหนึ่งว่า เมื่อเราหยุดทำงานไปแล้ว รายได้หลักเราจะหายไป แต่สิ่งที่จะมีอยู่เสมอก็ คือ “ค่าใช้จ่าย” เราจึงควรคำนวณว่าในภายภาคหน้าเราจะต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง เพื่อนำกลับมาคิดว่า ปัจจุบันเราต้องเก็บเงินเท่าไร เพื่อให้พอกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ขอเตือนว่า เมื่อเราอายุยิ่งเพิ่ม ความเจ็บป่วยก็จะยิ่งมาเยือน อยากให้ทุกคนสำรองเงินสำหรับค่ารักษาพยาบาลด้วย

 

ปัจจัยที่ 2 สำรองเงินสำหรับอนาคต

เมื่อเรารู้ว่า จะมีค่าใช้จ่ายอะไรเกิดขึ้นบ้าง ต่อไปเราก็ต้องมาดูว่า เราต้องสำรองเงินอย่างไร เพื่อให้พอกับค่าใช้จ่ายเหล่านั้น เช่น ปัจจุบันแซมอายุ 35 ปี ทำงานประจำที่กรุงเทพฯ มีรายได้เดือนละ 25,000 บาท และอยากเกษียณตอนอายุ 55 ปี แปลว่า แซมจะมีเวลาเก็บเงินทั้งหมด 20 ปี โดยวางแผนชีวิตหลังเกษียณจะกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ออกเที่ยวในประเทศปีละครั้งและใช้ชีวิตเรียบง่าย คาดว่า จะมีค่าใช้จ่ายรวมค่ารักษาพยาบาล 150,000 บาทต่อปี ลองคิดว่าจะสำรอง 15 ปี เป็นเงิน 2,250,000 บาท แปลว่า แซมจะต้องเก็บเงินเดือนละ2,250,000 2012 เท่ากับ 9,375 บาทนั่นคือ ในแต่ละเดือน แซมจะเหลือเงินแค่ 15,625 บาท 

เราคงเห็นแล้วว่า หากมีรายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียวมันไม่พอ เราจึงต้องหารายได้เสริมจากทางอื่นเพิ่มเติม 

 

 

ปัจจัยที่ 3 การดูแลสุขภาพ

ปัจจัยสุดท้ายสำคัญมากๆ เพราะแม้เราจะมีแผนอย่างดีและเงินสำรองพร้อมสำหรับอนาคต แต่ถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงพอ สุดท้ายเราอาจจะไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตตามแผนที่วางไว้ก็ได้ หรืออาจได้ใช้ชีวิตตามแผนพร้อมสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอแทน เพราะฉะนั้น เราทุกคนควรคำนึงถึงสุขภาพ หันมาใส่ใจอาหารที่รับประทานในทุกมื้อ เสาร์อาทิตย์แทนที่จะนอนอยู่บ้านดูหนังเฉยๆ อาจจะเริ่มมาออกกำลังกายทีละน้อย เช่น การออกไปเดินรอบๆหมู่บ้าน ชวนคนข้างบ้านเล่นแบดมินตัน

หลายๆ ท่านอาจกำลังรู้สึกเหนื่อยล้ากับสิ่งต่างๆ รอบกาย ซึ่งมันขึ้นอยู่ว่าแต่ละคน มีวิธีจัดการกับความเหนื่อยล้านั้นอย่างไร บางคนอาจอดทนต่อความเหนื่อยล้าแบบนี้ไปเรื่อยๆ หรือบางคนอาจมองภาพตัวเองในอนาคตที่ได้พักผ่อนตามใจตัวเอง บางคนเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ตัวเองสุขสบายในอนาคต อย่าใช้ชีวิตโดยคิดถึงแค่วันพรุ่งนี้ ลองใช้ชีวิตที่เห็นภาพตัวเองในหลายสิบปีข้างหน้าแทน ผมมั่นใจว่าภาพพวกนั้นจะเป็นแรงผลักดันให้คุณเองครับ 

 

คอลัมน์มันนี่ดีไอวาย 4.0

โดย : บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,609 วันที่ 13 - 16 กันยายน พ.ศ. 2563