แนะช้อนหุ้นอสังหาฯรอปันผล

13 ก.ย. 2563 | 23:30 น.

โบรกเผยธปท.ดับฝัน ไม่ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ทำหุ้นกลุ่มอสังหาฯไม่น่าลงทุน แต่ผลงานครึ่งปีหลังมีลุ้น หลังหลายโครงการเริ่มทยอยเปิดใหม่ แนะนำซื้อสะสมรับเงินปันผลปลายปี

สิ้นสุดการรอคอยกับการลุ้นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะมีมาตรการช่วยเหลือตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกหรือไม่ เมื่อธปท.ออกมายืนยันว่า มาตรการอัตราส่วนการให้สินเชื่อซื้อบ้านโดยเทียบกับมูลค่า (LTV) ยังมีความจำเป็นและเหมาะสม อีกทั้งที่ผ่านมาได้ผ่อนคลายมาแล้ว 2 ครั้งคือ ผ่อนปรนเกณฑ์สำหรับผู้กู้ร่วมและการซื้อบ้านหลังแรกในราคาตํ่ากว่า 10 ล้านบาท สามารถกู้ได้เท่ากับราคาบ้านและยังสามารถกู้ได้เพิ่มอีก 10% เพื่อเป็นค่าตกแต่งหรือซ่อมแซม ส่วนบ้านหลังที่ 2 สามารถกู้ได้ 90% 

นอกจากนี้ธปท.ยังระบุอีกว่าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยไตรมาส 2 ปี 2563 ขยายตัวได้ 4.4% สูงกว่าไตรมาสแรก แม้จะอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อบ้านหลังแรก สะท้อนว่ามาตรการ LTV ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อประชาชนที่ต้องการซื้ออยู่จริง อีกทั้งยังช่วยรองรับผลกระทบของโควิดที่มีต่อภาค อสังหาฯและเศรษฐกิจ จากการช่วยชะลอความต้องการเทียมและปริมาณที่อยู่อาศัยส่วนเกิน ซึ่งในสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอน ธปท.จะติดตามและประเมินสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ อย่างใกล้ชิด

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัดเปิดเผยว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯเพิ่มเติม ยังเชื่อว่า ผลประกอบกลุ่มอสังหาฯ ครึ่งปีหลังปี 2563 จะฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรกในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ไตรมาส 3 และต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 หลังสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น จนทำให้ทุกภาคธุรกิจ ทั้งอสังหาฯและธุรกิจอื่น โดยเฉพาะธุรกิจศูนย์การค้า, ค้าปลีกและโรงแรมกลับมาดำเนินกิจการตามปกติ

แนะช้อนหุ้นอสังหาฯรอปันผล

ทั้งนี้จะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น และรอบธุรกิจอสังหาฯที่ปกติช่วงครึ่งหลังของปี จะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะโครงการคอนโดมิเนียมใหม่หลายแห่งกำหนดสร้างเสร็จพร้อมโอนในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะหนุนให้การดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2563 เป็นจุดสูงสุดของปี

ขณะที่ ราคาหุ้นในกลุ่มที่ Underperform ตลาดฯ เมื่อพิจารณาจาก SETPROP YTD ปรับลดลง 26% เทียบกับดัชนีหุ้นไทยที่ลดลงไป 18% ทำให้ Valuation ยังมีความน่าสนใจ และอัตราเงินปันผลสูงเฉลี่ยกว่า 5% ต่อปี ถือเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุน ภายใต้ภาวะดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ทั้งนี้ แนะนำเลือกลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AP) จากจุดเด่นที่มีพอร์ตสินค้าทั้งแนวราบและคอนโดฯ ครอบคลุมทุกระดับราคา และมี Backlog สูง 46,000 ล้านบาท คาดผลประกอบการครึ่งปีหลังยังมีแรงหนุนจากแนวราบและการโอนคอนโดฯใหม่

ขณะเดียวกัน แนะนำเก็งกำไร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NOBLE) จากแรงสนับสนุนของปัจจัยพื้นฐานที่คาดกำไรครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวเด่นชัดจากการส่งมอบ 3 คอนโดฯ ใหม่ รวมถึงการเข้าถือหุ้นของนักลงทุนรายใหญ่ ด้านราคาหุ้นยัง Undervalue มี PER ซื้อขาย 3-4 เท่า และคาดเงินปันผลครึ่งปีหลังปีนี้อย่างน้อยหุ้นละ 1 บาท โดยครึ่งปีแรกจ่ายไปแล้วหุ้นละ 1.1 บาท และทั้งปีผู้บริหารคาดว่าจะจ่ายหุ้นละ 2-2.5 บาท คิด Div Yield ทั้งปีสูงกว่า 10%

ด้านบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า มีมุมมอง “เป็นกลาง” กับหุ้นกลุ่มอสังหาฯ หลังธปท.คงมาตรการ LTV ต่อไป ซึ่งการคงมาตรการดังกล่าว จะทำให้หุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ยังคงไม่น่าลงทุนเท่าที่ควร เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกกระตุ้น แต่หากต้องการเข้าลงทุนควรรอซื้อในช่วงไตรมาส 4 ที่เป็นจังหวะที่เหมาะสมมากที่สุด เนื่องจากจะเป็นช่วงเวลาที่หุ้นอสังหาฯ ประกาศจ่ายเงินปันผล

บล.กรุงศรี จำกัดระบุว่า หากธปท.ยังคงมาตรการ LTV ต่อไป จะทำให้หุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ฟื้นตัวได้ช้าตามภาวะเศรษฐกิจ แต่หากต้องการกระตุ้นโดยที่ยังคงมาตรการ LTV ภาครัฐอาจต้องมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น ลดค่าโอน ค่าจดจำนอง ซึ่งเคยมีมาตรการออกมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ครั้งก่อนครอบคลุมอสังหาฯ ที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท และมีสัดส่วน 50% ของตลาดเท่านั้น ทั้งนี้ในครั้งนี้ภาครัฐอาจต้องออกมาตรการครอบคลุมมูลค่าอย่างน้อยไม่เกิน 5 ล้านบาท เพราะมีสัดส่วน 80% ของตลาด 

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,609 วันที่ 13 - 16 กันยายน พ.ศ. 2563