สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 11 กันยายน 2563
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 2% หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนที่มีแนวโน้มลดลง หลังโรงกลั่นเอกชนในประเทศใช้โควต้าการนำเข้าน้ำมันดิบไปเกือบหมดแล้ว
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ก.ย. 63 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล จากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ปรับลดลง หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ปรับลดกำลังการกลั่นลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี
+/- จับตาการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกในวันที่ 16 - 17 ก.ย. ว่าจะมีการออกมาตราการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมหรือไม่ หลังความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานในเกาหลีใต้ที่ปรับตัวลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของหน่วยผลิตน้ำมันเบนซินอย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกของจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปทานในภูมิภาคที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงมาสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันยังคงซบเซาในขณะนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 75 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 37.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 73 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 40.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง