แนะรับมือ นมนอกราคาถูก รับ FTAออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์

10 ก.ย. 2563 | 10:28 น.

“โฟร์โมสต์” ชี้ต้นทุนนมนอกต่ำกว่านมไทย 35-50% แนะเกษตรกร ต้องปรับตัวก่อนเปิด FTA ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ปี 64 พร้อมเร่งเพิ่มศักยภาพเกษตรกรโคนมเพื่อการแข่งขันยั่งยืน

นายโอฬาร โชว์วิวัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายนมพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ “โฟร์โมสต์” (Foremost) เปิดเผยว่า “ในปี 2564 เรื่องความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย และความตกลงการค้าเสรีไทย-นิวซีแลนด์ ที่ไทยเตรียมปลดล็อคภาษีนำเข้าเป็นศูนย์และไม่มีการจำกัดโควตานำเข้าสินค้ากลุ่มนมผงที่มีไขมันเกิน 1.5% ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนม หางนม (เวย์) เนย ไขมันเนย (AMF) เนยแข็ง และในปี 2568 สำหรับกลุ่มสินค้านมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง นมผงขาดมันเนย จากข้อมูลเดือนม.ค. – ก.ค. 63 พบไทยมีการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์นมจากนิวซีแลนด์มูลค่า 7.9 พันล้านบาท และออสเตรเลียมูลค่ารวมกว่า 1.9 พันล้านบาท ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าราคาต้นทุนการผลิตนมดิบของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ปัจจุบันมีราคาถูกกว่าไทยราว 35 – 50% โดยอยู่ที่ราคา 11 – 13 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ประเทศไทยราคาอยู่ที่ 17.50 บาทต่อกิโลกรัม

แนะรับมือ นมนอกราคาถูก  รับ FTAออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์

ทั้งนี้คาดว่าหลังจากที่ไทยเตรียมปลดล็อคภาษีนำเข้าเป็นศูนย์และไม่มีการจำกัดโควตานำเข้าวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์นมบางกลุ่ม ที่จะเริ่มในปี 2564 จะมีปริมาณการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์นมจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าไทยมีปริมาณการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์นมจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นสัดส่วนที่ใหญ่ ซึ่งการเปิดการค้าเสรีดังกล่าวหากเสร็จสมบูรณ์จะส่งผลกระทบโดยตรงกับภาพรวมของอุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์นมไทย ดังนั้นประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อที่จะสามารถผลักดันให้อุตสาหกรรมนมเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งห่วงโซ่อุปทาน

แนะรับมือ นมนอกราคาถูก  รับ FTAออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์

ส่วนภาคอุตสาหกรรมผลิตต้องมีการปรับทั้งด้านมาตรฐานในการผลิต การขนส่ง รวมถึงการทำการตลาดและการจัดจำหน่าย เพื่อตอบสนองกับกลไลของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในขณะที่ภาครัฐควรมีมาตรการสนับสนุนให้มีการเปิดเสรีด้านกลไกราคาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้อุตสาหกรรมมีการปรับตัวตามกลไกราคาของตลาดเพื่อพร้อมรับการเปิดเสรีการค้า รวมไปถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรโคนม อุตสาหกรรม และผู้ประกอบการในเชิงบูรณาการ ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องว่าจะได้รับประโยชน์อย่างยั่งยืน

แนะรับมือ นมนอกราคาถูก  รับ FTAออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์

ทั้งนี้จากข้อมูลกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) รายงานภาพรวมอุตสาหกรรมนมทั่วโลกข้อมูลปี 62 มีการผลิตนมปริมาณ 522 ล้านตัน เป็นการบริโภคราว 187 ล้านตัน อัตราเฉลี่ยประชากรทั่วโลกบริโภคนมคนละ 113 ลิตรต่อปี ภูมิภาคเอเชียประชากรเฉลี่ยดื่มนม 66 ลิตรต่อปี ส่วนคนไทยมีอัตราการดื่มนมปริมาณน้อยเฉลี่ยเพียงคนละประมาณ 18 ลิตรต่อปี หรือเพียงสัปดาห์ละ 2 แก้วเท่านั้น จะเห็นได้ว่าคนไทยมีปริมาณการดื่มนมต่ำเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยการดื่มนมของประชากรในภูมิภาคเอเชีย

ขณะที่ข้อมูลจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ และ AC Nielsen ปี 62 พบว่าตลาดนมไทยมีมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น 1.นมพร้อมดื่มยูเอชทีและนมสเตอริไลส์ มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท 2.นมเปรี้ยวพร้อมดื่มพาสเจอร์ไรส์ มูลค่า 9.5 พันล้านบาท 3.นมพร้อมดื่มพาสเจอร์ไรส์ 9.1 พันล้านบาท และ 4.นมเปรี้ยวพร้อมดื่มยูเอชที มูลค่า 5.2 พันล้านบาท มีปริมาณนมพร้อมดื่มที่ใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรในประเทศจำนวน 1.23 พันล้านลิตร และนมพร้อมดื่มที่ใช้วัตถุดิบจากการนำเข้าจำนวน 1.22 พันล้านลิตร ด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์นม ไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์นมหลายชนิดแต่ส่วนใหญ่มาจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์นมเพื่อใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์นมประเภทอื่น ๆ แล้วส่งออก ซึ่งสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ นมพร้อมดื่ม นมเปรี้ยว โยเกิร์ต เนยที่ได้จากนมและนมข้นหวาน เป็นต้น โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังกลุ่มประเทศภูมิภาคอาเซียน เช่น กัมพูชา เมียนมา สปป.ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ โดยข้อมูลกรมศุลกากรไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์นมปริมาณ 3.24 แสนตัน มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท

แนะรับมือ นมนอกราคาถูก  รับ FTAออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์

อย่างไรก็ตามเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของเกษตรกรโคนมไทย ต่อสถานการณ์การแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีที่จะเกิดขึ้น บริษัทยังคงสานต่อนโยบายการถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์จากนมโคที่มีคุณภาพสู่เกษตรกรไทยเพื่อมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพในทุกมิติของเกษตรกรฟาร์มโคนมไทยให้ได้มาตรฐานระดับโลกด้วย 7 แนวทางสำคัญสู่การผลิตน้ำคมโคคุณภาพเยี่ยมมาตรฐานเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ 1.โคต้องได้อาหารและน้ำที่ดี 2.ลูกโคดีคือหัวใจ 3.พันธุ์ต้องสมบูรณ์  4.การรีดนมต้องถูก 5.สำคัญที่กีบ 6.การออกแบบโรงเรือน 7.ระบบเดต้าเฉพาะฟาร์ม ล่าสุดมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 14,000 ราย ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นรวม 20 ล้านบาทต่อปี ควบคู่ไปกับการผลักดันอุตสาหกรรมนมในประเทศไทยให้สามารถแข่งขันกับอุตสาหกรรมนมทั่วโลกในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

JD CENTRAL ออร์เดอร์พุ่ง 300% “โฟร์โมสต์” ครองแชมป์

พลิกโผ“โฟร์โมสต์” หลุด!! นมโรงเรียน