"คมนาคม" ลุยแก้กฎหมายเปิดช่องเอกชนเดินรถไฟ 99 ปี

10 ก.ย. 2563 | 06:32 น.

คมนาคม เร่งแก้กฎหมายหนุนเอกชนเดินรถไฟ ลากยาวสัมปทาน 99 ปี ลั่นไม่ได้เอื้อเอกชน เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพขนส่งทางราง 30% ภายใน 3 ปี

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย ภายหลังการการประชุมรับฟังความคิดเห็นเพื่อสนับสนุนให้ภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมให้บริการระบบราง ว่า กระทรวงคมนาคมมีแนวคิดต้องการที่จะดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมเดินรถในโครงข่ายของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เนื่องจากตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วยระบบรางให้เป็นระบบหลักในการเดินทางและการขนส่งของประเทศให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีการขนส่งทางราง 10.5 ล้านตันต่อปี แต่ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากรางรถไฟเพียง 30% เท่านั้น โดยตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งทางราง 16.8 ล้านตันต่อปี ภายใน 3 ปี (ปี2563-2565) ขณะที่ในอนาคตรัฐบาลมีแผนพัฒนาการขนส่งทางรางเพื่อให้มีการใช้โครงข่ายทางรางอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเกิดการเชื่อมต่อทางรางระหว่างประเทศมากขึ้น

 

เบื้องต้นต้องการให้ภาคเอกชนเข้าร่วมเดินรถในสล็อตที่การรถไฟฯยังไม่ได้มีการบริการ รวมทั้งการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งมีหลายรูป เช่น ให้เอกชนจัดหารถแล้วนำวิ่งให้บริการโดยต้องจ่ายเช่ารางให้กับการรถไฟฯ หรืออาจเป็นรูปแบบเช่าเดินรถคล้ายกับแผนฟื้นฟูกิจการฉบับปรับปรุงขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)

"คมนาคม" ลุยแก้กฎหมายเปิดช่องเอกชนเดินรถไฟ  99 ปี

ทั้งนี้การจะเปิดให้เอกชนเข้ามา จำเป็นที่จะต้องจูงใจ โดยเฉพาะอายุสัมปทานต้องกล้าที่จะให้สัมปทานแก่เอกชนแบบระยะยาวมากกว่า 30 ปี เพราะท้ายที่สุดเมื่อหมดอายุสัมปทานก็มีการต่อสัญญาเพิ่มเติมอยู่ดี ดังนั้นเสนอว่าควรเปิดให้เอกชนลงทุนเข้ามาลงทุนยาวเป็น 99 ปี เหมือนกับในหลายประเทศ ซึ่งไม่ใช่มองว่าทุกอย่างคือการเอื้อประโยชน์ให้กับภาคเอกชนเอกชน แต่ต้องดูว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไรด้วย เพราะถ้าถามว่าทำไมไม่มีเอกชนมาลงทุนในประเทศเรา เราต้องถามตัวเองด้วยว่าเรามีอะไรจูงใจ ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายอยู่แล้วเพื่อให้เกิดการพัฒนามากขึ้น

 

“เรามองประเทศเพื่อนบ้านเขากล้าออกระยะเวลาและให้สัมปทานในการประกอบการ ถ้าไม่กล้าทำลายขเอจำกัด และห่วงแต่การเอื้อประโยชน์ก็เป็นเรื่องยาก เรื่องเวลาไม่ใช่ปัญหา ถ้าเรามีการเขียนว่าจะกำกับดูแลอย่างไร”

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจากการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตในหลานประเทศ แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน ทั้ง รัสเซีย สาธารณรัฐเช็ก เกาหลีใต้ รวมถึงสหรัฐอเมริกา โดยเบื้องต้นตั้งเป้าหมายว่าการให้ภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมให้บริการระบบราง จะต้องสามารถขับเคลื่อนได้ภายในรัฐบาลชุดนี้ เพราะไม่จำเป็นที่จะต้องรอพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กรมรางแล้วเสร็จ เนื่องจากมี พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว