เคลียร์ฝ่ายค้านยันราคาพืชเกษตรดีทุกตัว (มีคลิป)

09 ก.ย. 2563 | 15:05 น.

“จุรินทร์” โต้ฝ่ายค้าน ยันราคาพืชเกษตรดีทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น ข้าว มันสำปะหลัง ยาง ข้าวโพด และปาล์มน้ำมัน พ่วงมาตรการรัฐ -ปูพรมดึงอีเวนต์ ดันราคาอัพขึ้น

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

 

เวลา 21.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่า จากกรณีที่มีสมาชิกฝ่ายค้านท่านหนึ่งได้พูดถึงพืชเกษตรตัวอื่นนอกจากข้าว ว่ามีเรื่องมันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพดและปาล์มน้ำมัน ยังเป็นปัญหา ความจริงคือสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างน้อยที่สุดช่วงฤดูกาลผลิตที่ผ่านมาราคาพืชเกษตรสำคัญ ดีเกือบทุกตัว เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ช่วงนี้ ราคาตกตันละ 9,100 ถึง 10,000 บาทต่อตัน  แต่ก็มีสมาชิกท่านหนึ่งได้พูดในเรื่องของการส่งออกข้าว ว่าประเทศไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวไปเรียบร้อยแล้วและสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้ออกข่าววิงวอนรัฐบาลให้เร่งพัฒนาสายพันธุ์ข้าวขึ้นมา ขอขยายความเพิ่มเติมรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯและสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ทำงานร่วมกันมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีการหารือร่วมกันเร่งรัดการส่งออกตลอดระยะเวลาทั้งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ข้าวและใน กรอ.พาณิชย์

 

"การเสียแชมป์ส่งออกนั้นประเทศไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวมาตั้งแต่ปีช่วงที่มีการดำเนินการโครงการจำนำข้าว ไม่ได้เพิ่งเสียแชมป์แต่เราเสียแชมป์ส่งออกข้าวมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ในช่วงปี 60-61เรากลับมาเป็นแชมป์อีกครั้งหนึ่ง เพราะประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งระบายข้าวที่ค้างอยู่ในสต๊อกจำนวนมากออกไปทำให้ตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นมาเวลานี้แม้เภายใต้สถานการณ์โควิดไม่ได้แปลว่าการส่งออกข้าวเลงร้ายในทุกตลาดยังมีบางตลาดที่ยังขยายตัวได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะข้าวพรีเมี่ยมหรือข้าวเกรดคุณภาพสูง เช่น ข้าวขาว 100% โดยเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น อเมริกา ออสเตรเลีย ขยายตัวได้ถึงร้อยละ15สาเหตุ ที่การส่งออกข้าวช่วงนี้ประสบปัญหาเพราะนอกจากสถานการณ์โควิดแล้วราคาเราสู้คู่แข่งไม่ได้ ต้นทุนข้าวของเราสูงกว่าประเทศคู่แข่ง และในปัจจุบันเราขาดความหลากหลายของพันธุ์ข้าวที่เป็นที่ต้องการของตลาด จึงเป็นที่มาที่ท่านนายกฯเป็นประธาน นบข.มอบหมายให้ผมดำเนินการไปจัดทำยุทธศาสตร์ข้าว"

 

เคลียร์ฝ่ายค้านยันราคาพืชเกษตรดีทุกตัว (มีคลิป)


นายจุรินทร์ กล่าาวว่า ปัจจบันมียุทธศาสตร์ข้าวขึ้นมาเสร็จเรียบร้อยแล้วรอนำเข้าที่ประชุม นบข.อีกครั้งและเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยยุทธศาสตร์ข้าวชุดใหม่นี้จะมีอายุ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 63 ถึง 67 มีวิสัยทัศน์ว่าจะทำประเทศไทยให้เป็นผู้นำการผลิตการตลาดข้าวผลิตภัณฑ์ข้าวของโลก โดยใช้ยุทธศาสตร์ "ตลาดนำการผลิต” โดยแบ่งตลาดเป็น 3 เกรด 1.ตลาดพรีเมี่ยม 2.ตลาดทั่วไป และ 3. ตลาดเฉพาะ "ข้าว" ที่จะมุ่งเน้นประกอบด้วย ข้าว 7 ชนิด 1.ข้าวหอมมะลิ 2.ข้าวหอมไทย 3.ข้าวพื้นนุ่ม 4.ข้าวพื้นแข็ง 5.ข้าวนึ่ง 6.ข้าวเหนียว และ 7.ข้าวสีต่างๆ ที่มีตลาดเฉพาะ ซึ่งมีการตั้งเป้าชัดเจนเพื่อสนองต่อตลาดข้าวในอนาคตที่จะกลับมาเป็นแชมป์อีกครั้งหนึ่งในวันข้างหน้า และมีแผนการลดต้นทุนการผลิตข้าวจากไร่ละ 6,000 บาทเป็นไม่เกิน 3,000 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี

 

เคลียร์ฝ่ายค้านยันราคาพืชเกษตรดีทุกตัว (มีคลิป)


"2.จะเพิ่มผลผลิตจากปัจจุบันเฉลี่ยผลิตได้ไร่ละ 465 กิโลกรัมเป็น 600 กิโลกรัมต่อไร่ และในเรื่องเมล็ดพันธุ์ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศตั้งเป้าว่าประเทศไทยภายใต้รัฐบาลที่จะเดินหน้ามุ่งเน้นผลิตเม็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณสมบัติ” สั้น เตี้ย ดก ดำ “โดยมีตัวเลขชัดเจนว่า 1.จะผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มอย่างน้อย 4 สายพันธุ์ 2.พันธุ์พื้นแข็ง 4 สายพันธุ์ 3.ข้าวหอมไทย 2 สายพันธุ์ 4.ข้าวโภชนาการสูง 2 สายพันธุ์ อย่างน้อย 12 พันธุ์ใน 5 ปีเพื่อสนองต่อความต้องการของตลาด และปีนี้จัดประกวดพันธุ์ข้าวไปแล้ว จะจัดอีกครั้งหนึ่งปลายปีนี้เพื่อเร่งรัดให้ทั้งเอกชนและนักวิชาการผู้ที่มีศักยภาพ เร่งทำการวิจัยผลิตข้าวพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเพื่อนำมาประกวดจัดเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศในเรื่องการส่งออกข้าวต่อไป แล้วปีต่อไปจัดปีละครั้งรัฐบาลชุดนี้มีนโยบายที่มีความชัดเจนในเรื่องข้าวที่เป็นรูปธรรม"

 

นอกจากนี้ "มันสำปะหลัง" ราคาตกกิโลกรัมละ 2.20 บาท ข้าวโพดความชื้น14.5% ตกกิโลกรัมละ 8.70 บาท ปาล์มเมื่อวาน (8 ก.ย.63) ราคาทางการ กิโลกรัมละ 3.80 บาทถึง 4.20 บาท หน้าโรงงาน และยางพาราสองสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาไปถึงกิโลกรัมละ 60 บาทแล้วสำหรับยางแผ่นรมควันชั้น3 สาเหตุที่ราคาดีขึ้นนั้นนอกจากปัจจัยภายนอกทั้งราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ตลาดล่วงหน้าก็ปรับตัวสูงขึ้น ความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้น ทำให้น้ำยางข้นขายดีขึ้นประกอบกับภาวะทางภูมิศาสตร์ในบางประเทศผู้ผลิต เช่น ฝนตกหนัก แรงงานขาดแคลนเป็นต้น ปัจจัยภายในก็มีผลสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้ราคายางดีขึ้นโดยเฉพาะมาตรการเชิงรุกของรัฐบาลชุดนี้ เช่นที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการนำทัพเอกชนไปบุกตลาดต่างประเทศหลายประเทศด้วยกัน เซ็นต์เอ็มโอยู กับจีน อินเดีย ตุรกี และในหลายประเทศ”

 

เคลียร์ฝ่ายค้านยันราคาพืชเกษตรดีทุกตัว (มีคลิป)

 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  วันนี้เราได้ตัวเลขหลายหมื่นล้าน หลังเร่งรัดการส่งมอบ ที่มีผลไม่มากก็น้อยในการช่วยกระตุ้นให้ยางในประเทศสามารถระบายไปยังต่างประเทศได้มีการลงนามเอ็มโอยู 511,500 ตันเป็นเงิน 47,991 ล้านบาท ส่งมอบไปแล้ว 145,940 ตันเป็นเงิน 12,835 ล้านบาท ช่วงภาวะวิกฤติโควิดและกำลังทยอยส่งมอบ และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ นำยางไปทำหลักนำทาง เสาหลักกิโล รวมทั้งทำกำแพงคอนกรีตแบบครอบแผ่นยาง อนุมัติในงบประมาณปี 64 จำนวน 39,175 ล้านบาท งบประมาณปี 65 จำนวน 43,995 ล้านบาท รวม 83,170 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นตลาดให้เห็นว่าในอนาคต ภาครัฐมีความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้นและมีผลในการกระตุ้นยกระดับราคายางในประเทศให้สูงขึ้น

 

 

อีกทั้งมาตรการในเรื่องของการตลาด เพื่อระบายยาง กระทรวงพาณิชย์จะจัดพบปะระหว่างผู้นำเข้าจากต่างประเทศกับผู้ส่งออกอย่างไทยบนออนไลน์เพื่อทำตัวเลขการส่งออกทั้งผลิตภัณฑ์ถุงมือยาง ที่นอน หมอนยางพารา เบาะรถนั่ง เป็นต้น โดยเน้นตลาดอียู ตลาดจีน ตลาดอินเดีย ตลาดเกาหลีและตลาดญี่ปุ่นเป็นต้นเดือนพฤศจิกายนจะมุ่งเน้นสินค้านวัตกรรมอย่างโดยการจะให้ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงานพบปะระหว่างผู้นำเข้ากับผู้ส่งออกไทย เดือนมีนาคมปีหน้าจะเน้นเรื่องผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ และผู้ประกอบการอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับรถยนต์ มีการเตรียมจัดงาน “international rubber expo" ในไทย โดยภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เตรียมจัดงานเอ็กซ์โปใหญ่ เพื่อขยายช่องทางการตลาดอย่างผลิตภัณฑ์ยางนวัตกรรมให้เป็นเวทีพบปะระหว่างผู้ซื้อผู้นำเข้าผู้ส่งออกผู้ขายของไทยภายใต้วิสัยทัศน์ ”เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด” และในอนาคตของยางไทยภายใต้รัฐบาลชุดนี้ การที่เรามุ่งเน้นจะทำให้ประเทศไทย”ฮับของถุงมือโลก”การยางแห่งประเทศไทยได้ชักจูงผู้ลงทุนจากประเทศสเปน ประเทศจีนมาลงทุนทำโรงงาน เพื่อใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตถุงมือยาง ดึงนักลงทุนมาได้แล้วประมาณ 10 ราย แต่ละรายจะลงทุนประมาณ 1,000 ถึง 1,500 ล้านบาท

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่เพื่อนสมาชิกพูดถึงในเรื่องของ "ล้ง" ท่านบอกว่าเราไม่ควรจะปล่อยให้ล้งต่างด้าวมาตั้งในประเทศไทย ควรไล่ออกจากแผ่นดินให้หมดขอเรียนว่าล้ง คือผู้รับซื้อผลไม้และรับซื้อไปเพื่อกระจายในตลาดทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออก ล้งจะประกอบด้วย 2 ประเภท 1.ล้งที่เป็นคนไทย 2.ล้งที่เป็นคนต่างประเทศซึ่งเป็นผู้รวบรวมผลผลิตและกระจายผลผลิตในต่างประเทศ นำไปสู่การส่งออกในต่างประเทศ ผลจะเกิดข้อดีกับเกษตรกร ผมไปประชุมที่จันทบุรีร่วมกับเกษตรกรผู้ส่งออก เมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมามีการร้องเรียนเรื่อง ล้งเอาเปรียบเกษตรกร ถ้าอย่างนั้นเราควรกำจัดล้งให้ออกไปจากประเทศนี้หรือไม่ เกษตรกรบอกว่าอย่าเดี๋ยวจะไม่มีคนมาซื้อผลผลิตเพราะล้งไทยไม่พอที่จะรองรับผลผลิตของเกษตรกร ล้งต่างประเทศยังมีความจำเป็นเพียงแต่ต้องมีมาตรการที่เข้มงวดกำกับอย่าให้เค้าเอาเปรียบเกษตรกรไทย

 

เคลียร์ฝ่ายค้านยันราคาพืชเกษตรดีทุกตัว (มีคลิป)

 

“เรื่องลำไย”  ว่ามีการร้องเรียนว่าทำอย่างไรจะอนุญาตให้ล้งจีนข้ามประเทศมาซื้อในประเทศได้ สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้เพราะต้องถูกกักตัว 14 วัน เราแก้ด้วยการค้าออนไลน์ ขณะนี้คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแล้วช่วยชาวสวนลำไยในภาวะวิกฤติและเจอภัยแล้ง อนุมัติช่วยชาวสวนลำไยไร่ละ 2,000 บาท ครัวละไม่เกิน 25 ไร่ มาตรการกำกับล้ง กล่าวคือเราจะบังคับให้ใช้สัญญาของกระทรวงพาณิชย์เพื่อความเป็นธรรมของทั้งล้งและเกษตรกร ไม่เอาเปรียบกันต้องบังคับใช้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวให้ล้งต่างประเทศรับซื้อเพื่อการส่งออกเท่านั้น รวมทั้งพระราชบัญญัติการแข่งขันปี 60 ต้องนำมาบังคับใช้ล้งใดจงใจกดราคารับซื้อมีความผิดจำคุก 2 ปีปรับไม่เกินร้อยละ 10 ของรายได้ในปีนั้นทั้งปี หรือทั้งจำทั้งปรับและถ้าพบว่าล้งต่างประเทศล้งไหนเอาเปรียบเกษตรกรก็จะบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดต่อไป ปัจจุบันได้จากกลุ่มแล้วหนึ่งรายที่จันทบุรีแล้วเตรียมดำเนินคดีอีก 5 ราย