“สุพัฒนพงษ์” ยันโรงไฟฟ้ชุมชนเดินหน้าต่อ แค่ปรับหลักเกณฑ์ซื้อไฟใหม่

08 ก.ย. 2563 | 13:26 น.

“สุพัฒนพงษ์” เดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน แต่ปรับหลักเกณฑ์ใหม่ ฟิกผลประโยชน์ตอบแทนชุมชน แต่ไปเน้นการแข่งขันที่ราคาค่าไฟฟ้า พร้อมปรับเงินส่งเข้ากองทุน สำหรับโรงไฟฟ้าจากน้ำเสียและพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ เพิ่มขึ้นจากที่กำหนด 25 ส.ต.ต่อหน่วย

แหล่งข่าวจากระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งจัดทำรายละเอียดของโรงไฟฟ้าชุมชนขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ต้องกลับไปใช้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ พีดีพี 2018 เดิมที่ใช้อยู้ในปัจจุบัน ซึ่งไม่มีการบรรจุโรงไฟฟ้าชุมชนเข้าอยู่ในแผนจำนวน 1,933 เมกะวัตต์

 

ดังนั้น การเดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน ตามแผนที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน วางเป้าหมายไว้ จะต้องถูกปรับเปลี่ยน  และให้ยึดตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก หรือแผนAEDP2018 แทน โดยโรงไฟฟ้าชุมชน จะกระจายเข้าไปอยู่ในแต่ละประเภทเชื้อเพลิง ตามแผน AEDP2018 ที่กำหนดไว้ โดยเน้นไปที่เชื้อเพลิงประเภทน้ำเสีย ที่นำมาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ เชื้อเพลิงจากชีวมวล เชื้อเพลิงจากพืชพลังงาน เพื่อผลิตเป็นก๊าซชีวภาพ และจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น  ส่วนสัดส่วนของแต่ละประเภทเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าชุมชน จะเป็นเท่าใดนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงาน

“สุพัฒนพงษ์” ยันโรงไฟฟ้ชุมชนเดินหน้าต่อ แค่ปรับหลักเกณฑ์ซื้อไฟใหม่

                                        นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์  

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“สุพัฒนพงษ์” ลั่น ประกาศรับซื้อไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้าชุมชน ได้ภายใน 30 วัน นำร่อง 200 เมกะวัตต์

“สุพัฒนพงษ์” ขับเคลื่อนนโยบายพลังงานหนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างงาน สร้างรายได้ และวางรากฐานสู่อนาคต

 

นอกจากนี้ ในการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น จะมีอยู่ 2 แนวทาง โดยแนวทางแรก จะเป็นการกำหนดเงื่อนไขผลประโยชน์ตอบแทนที่ให้กับชุมชนที่มีความแน่นอน และประมูลแข่งขันด้านราคา จะได้รับอัตราค่าไฟฟ้าในรูปของ Feed in Tariff -FiT ที่สูงกว่าปกติ ส่วนอีกแนวทาง เป็นการพิจารณาจากโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้จัดสรรผลประโยชน์ให้กับชุมชน  แต่จะต้องแข่งขันราคา เพื่อขายไฟฟ้าเข้าระบบตามต้นทุนที่ต่ำที่สุด

 

อีกทั้ง จะมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขโรงไฟฟ้าชุมชน ที่เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ชุมชน จากเดิมที่กำหนดให้ต้องส่งเงินเข้ากองทุนในอัตรา 25 สตางค์ต่อหน่วย จะเพิ่มเป็น 35 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับโรงไฟฟ้าชุมชนที่ใช้น้ำเสีย เป็นเชื้อเพลิงผลิตก๊าซชีวภาพ รวมถึงพลังงานจากแสงอาทิตย์ด้วย เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่มีการทำสัญญาซื้อขายเชื้อเพลิงกับเกษตรกรหรือชุมชน ซึ่งเงื่อนไข รายละเอียดต่างๆ คาด่าจะได้ข้อสรุปประมาณกลางเดือนกันยายนนี้

“สุพัฒนพงษ์” ยันโรงไฟฟ้ชุมชนเดินหน้าต่อ แค่ปรับหลักเกณฑ์ซื้อไฟใหม่

อย่างไรก็ตาม โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่ยังดำเนินการอยู่ จะเหลือเพียง โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่อำเภอแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งใช้ซังข้าวโพด เป็นเชื้อเพลิง และ ที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ใช้หญ้าเนเปียร์ เป็นเชื้อเพลิง เท่านั้น

“สุพัฒนพงษ์” ยันโรงไฟฟ้ชุมชนเดินหน้าต่อ แค่ปรับหลักเกณฑ์ซื้อไฟใหม่