เจาะแนวรุกนิสสัน หลังประกาศเลิกขายรถ 3 รุ่น
นิสสัน ขยับแผนตามโครงสร้างใหม่ ประกาศหยุดผลิตและเลิกทำตลาดรถ 3 รุ่น เอ็กซ์-เทรล ,เทียน่า, ซิลฟี ยืนยันมีอะไหล่รองรับและรับประกันตามเงื่อนไข พร้อมเดินหน้าลุยเซกเมนต์เก๋งเล็ก -เอสยูวีเล็ก และอีวี
หลังจากบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย)จำกัด ได้ร่อนหนังสือถึงตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยมีเนื้อหาใจความหลักคือการหยุดผลิตและยกเลิกการจัดจำหน่ายรถยนต์ นิสสัน เอ็กซ์-เทรล ( Nissan X-Trail ), นิสสัน เทียน่า (Teana), นิสสัน ซิลฟี ( Sylphy )ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 เป็นต้นไป
นิสสัน มอเตอร์ ให้เหตุผลของการเลิกทำตลาดในครั้งนี้ว่า มีการปรับเปลี่ยนแผนดำเนินงานทางการตลาดและการขายในประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานระยะยาวของกลุ่ม บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ในภูมิภาคเอเชีย โดยปรับเปลี่ยนโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มภูมิภาคเอเชีย
โดยนิสสันในประเทศไทยจะเน้นให้ความสำคัญกับ รถยนต์ขนาดเล็ก รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมถึงรถยนต์พลังงานทางเลือกและพลังงานไฟฟ้าในอนาคต ถือเป็นการประกาศแนวทางและแผนงานที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการทำตลาดของนิสสันในประเทศไทยต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตามลูกค้าที่ซื้อรถทั้ง 3 รุ่นนี้ไปก็ไม่ต้องกังวลใจว่าจะไม่มีอะไหล่ เพราะทางนิสสันยืนยันว่ามีพร้อมให้บริการครบทุกรุ่น ส่วนการรับประกันทุกอย่างก็ยังคงตามเงื่อนไขที่บริษัทได้วางไว้
ลดราคาแรง-สัญญาณบ่งชี้
การปรับเปลี่ยนแผนงานและเลิกขายรถทั้ง 3 รุ่นนี้ของนิสสัน หากมองย้อนกลับไปในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็จะเริ่มเห็นสัญญาณต่างๆ เพราะนิสสันได้นำรถในรุ่น นิสสัน เอ็กซ์-เทรล , นิสสัน เทียน่า มาทำแคมเปญลดราคาพิเศษ โดยมีกิมมิกว่าให้เฉพาะกลุ่มอาชีพพิเศษ อาทิ หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์
โดยการลดราคาในครั้งนั้น ถือว่าสร้างความฮือฮาไม่น้อย เพราะนิสสัน เอ็กซ์ - เทรล ลดตั้งแต่ 3.6 - 6.38 แสนบาท ซึ่งรุ่นที่ลดโหดสุดคือ All New X-Trail 2.0 V 4WD Hybrid ราคาปกติ 1.537 ล้านบาท เหลือ 8.99 แสนบาท (ลด 6.38 แสนบาท) ส่วนนิสสัน เทียน่า ก็ลดตั้งแต่ 4.27 - 4.95 แสนบาท เรียกว่าราคาเริ่มต้นจากเดิม1.426 ล้านบาท ก็เหลือ 9.99 แสนบาท
ในขณะที่ซิลฟี แม้จะไม่ได้ลดแหลกเหมือน 2 รุ่นก่อนหน้า โดยตัวแทนจำหน่ายบางแห่งที่ยังมีสต๊อกของรถรุ่นนี้ได้จัดแคมเปญ อาทิ รุ่น 1.6 วี ราคาปกติ 8.69 แสนบาท เหลือ 6.99 แสนบาท หรือลดลงไป 1.7 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม แม้จะยกเลิกการทำตลาดของทั้ง 3 รุ่น แต่ไม่ได้หมายความว่านิสสันจะลดบทบาทฐานการผลิตไทย โดยนายราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ยืนยันว่ากลยุทธ์ต่างๆในไทยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไทยยังเป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาคนี้ และนิสสันมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจในไทย ดังจะเห็นจากการการลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ในโครงการรถยนต์ไฟฟ้า และการเปิดตัวด้วยนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ เป็นประเทศแรกของโลก และเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากญี่ปุ่นที่ได้ผลิตเทคโนโลยีนี้
ส่องยอดขาย 7 เดือน
สำหรับยอดขาย 7 เดือนที่่ผ่านมาของนิสสัน (มกราคม - กรกฎาคม ) 2563 ทำได้ 25,502 คัน ลดลง 35.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขายได้ 39,585 คัน ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 6.6 % เมื่อแบ่งยอดขายออกเป็นเซกเมนต์รถยนต์นั่ง ( มาร์ช ,อัลเมร่า,โน๊ต,ลีฟ,ซิลฟี่,คิกส์ อี-พาวเวอร์,จีที-อาร์,เทียน่า) ทำได้ 14,777 คัน ลดลง 34.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขายได้ 22,670 คัน
ส่วนรถปิกอัพขนาด 1 ตันในรุ่นนาวารา ขายได้ 8,319 คัน ลดลง 43.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขายได้ 14,636 คัน ขณะที่นิสสัน เทอร์ร่า รถในเซกเมนต์พีพีวี มีตัวเลขเติบโต ด้วยยอด 1,067 คัน เพิ่มขึ้น 20.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขายได้ 883 คัน
เขย่าโครงสร้างทั่วโลก
การปรับเปลี่ยนแผนงานต่างๆของนิสสันในประเทศไทย ถือว่าเป็นไปตามทิศทางของบริษัทฯแม่ที่ได้ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจ และทิศทางที่บริษัทจะมุ่งไป ทั้งแผนลดต้นทุน การปิดโรงงาน บางแห่ง เลิกทำตลาดในบางประเทศ พร้อมถอดรถยนต์บางรุ่นออกจากตลาด ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมาคือ ปิดโรงงานที่สเปนและที่อินโดนีเซีย และเพิ่มบทบาทของโรงงานในไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของทั้งอาเซียนและในภูมิภาคนี้
โดยภายใต้แผนฟื้นฟูธุรกิจระยะ 4 ปีจะเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563- 2566 นิสสันจะลดต้นทุนคงที่ลง 9 หมื่นล้านบาท ลดกำลังผลิต 20% เหลือ 5.4 ล้าน คัน/ปี และลดจำนวนรุ่นรถยนต์ทั่วโลกเหลือ 55 รุ่น จากเดิม 69 รุ่น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง