นายวรกร  วีราพัชร์  ประธานคณะกรรมการ บริษัท สโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์ม จำกัด ผู้ให้บริการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเก็บข้อมูลและการลงทุนสําหรับภาคอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ผู้บริโภคนิยมซื้อของออนไลน์ผ่านช่องทางโซเชียล มีเดียเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ตลาด E-commerce เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อมีการเข้ามาของโควิด-19 ยิ่งทำให้เติบโตอย่างรวดเร็ว

ทำให้ภาคธุรกิจทั้งแบรนด์เล็กและแบรนด์ใหญ่ต้องมีการปรับตัวเข้าสู่การขายสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการขายสินค้าในรูปแบบของ Live-Commerce ที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถสื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์ และยังสามารถสร้างประสบการณ์ซื้อสินค้าเสมือนจริงได้โดยที่ไม่ต้องไปถึงหน้าร้านโดยเฉพาะในช่วงที่ต้องมีการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอีกแขนงหนึ่งในของตลาด  E-commerce จึงได้เข้าซื้อกิจการ ArisLab แพลตฟอร์ม Live-Commerce  อันดับหนึ่งของไทย เพื่อต่อยอดบริการโซลูชั่นของบริษัทให้ครบวงจร และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายสุวัฒน์ ปฐมภควันต์  ผู้ร่วมก่อตั้งและนักลงทุน บริษัท เอริส แล็บ จำกัด กล่าวว่า การควบรวมกิจการกับ สโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์ม ในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการพลิกโฉมวงการขายสินค้าออนไลน์ด้วยโซลูชันแห่งอนาคต  ผ่านแพลตฟอร์ม Live Commerce ของ ArisLab ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเชื่อมโยง E-commerce และ Streaming Platform เข้าไว้ด้วยกัน

แต่มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เข้ามาช่วยบริหารจัดการระบบหลังบ้านได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนสามารถปิดการขายด้วยระบบ Chatbot ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหา (pain point) ให้กับผู้ค้าออนไลน์ได้อย่างตรงจุด  ส่งผลให้ที่ผ่านมา ArisLab ได้กลายเป็น Live Commerce Platform อันดับหนึ่งของไทย ที่สามารถทำยอดขายผ่านไลฟ์ได้มากกว่า  7 ล้านบาทต่อเดือน และมีผู้ค้าออนไลน์ในระบบมากกว่า 4,000 ราย

ขณะที่นายศุภสรร ด้วงชนะ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์ม จำกัด  กล่าวว่า  การขยายธุรกิจในเครือสโตเรจซิตี้ แพลตฟอร์มซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินธุรกิจด้วยกัน 3 หน่วยธุรกิจด้วยกัน ได้แก่ DotLive, DotPlay และ DotIO หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินการควบรวมกิจการกับ ArisLab เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปบริษัทจะเปิดตัวธุรกิจในอีกหนึ่งหน่วย คือ DotAris ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเข้ามาเสริมการเติบโตอย่างมหาศาลให้กับบริษัท

จากความต้องการใช้งานโซลูชั่นที่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดให้กับผู้ค้าออนไลน์ ที่มีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก สอดคล้องกับการเติบโตของตลาด E-Commerce ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่บริษัทได้ดำเนินธุรกิจผ่านกลยุทธ์น่านน้ำสีคราม (Blue Ocean Strategy) ที่ทำให้ทุกสินค้าและบริการมีความแตกต่าง ดำเนินธุรกิจในตลาดที่ไม่มีคู่แข่ง มีแต่คู่ค้า  รวมถึง ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่จะทำให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายในการก้าวขึ้นสู่การเป็น Startup ระดับ Unicorn ตัวแรกของประเทศไทยได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

“การเข้าซื้อกิจการของ ArisLab ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจของบริษัทให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงลูกค้ากลุ่มดังกล่าวในตลาด E-Commerce ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ภายในไตรมาสที่ 4/2563 บริษัทมีแผนที่จะนำ DotPlay, DotTV, DotAris เข้าสู่อุตสาหกรรม Entertainment Tech ตามสโลแกนที่ได้วางไว้ คือ The Future of Disruption ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำให้บริษัทเติบโตได้แบบเอ็กโพเนนเชียล (exponential growth) อย่างแน่นอน”

อีกทั้งในเร็วๆ นี้บริษัทจะมีการเปิดตัว Brand Ambassador ของ DotAris ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทที่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจในแง่ของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่จะมีเรื่องของแฟชั่นและไลฟ์สไตล์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดย Brand Ambassador ของบริษัทนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกโดดเด่น ที่นอกจากความสวยแล้ว ต้องมีความฉลาด สามารถสร้างสินค้าและบริการที่แตกต่างได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัดทุนหนุน “สตาร์ทอัพ” เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ 60 ล้านบาท

โควิดป่วนสตาร์ทอัพ NIA เปิดมาร์เก็ตเพลสฝ่าวิกฤติ